ในการทำ Facebook Ads หรือ โฆษณาบน Facebook เป้าหมายหนึ่งคือ เมื่อกลุ่มเป้าหมายเห็น Ads แล้ว ก็คลิ๊กแล้วไปที่หน้าสินค้า และสั่งซื้อสินค้าจากเรา

หลายครั้งผมเห็นข้อผิดพลาดที่มักทำให้ Click – Through-Rate(CTR) สูงแต่กลับขายของได้ไม่ดี
ลองดูที่ภาพข้างล่างซิครับ

ข้อผิดพลาดที่ในการทำ Facebook Ads

adsที่ 1  – เมื่อคุณเห็น Ads จุดแรกที่เห็นคือ ลำโพงที่เหมือนจะเป็นลำโพง Bluetooth และ ตามด้วยหัวเรื่อง ad – ถูกกว่านี้ก็ฟรีแล้ว จากนั้นก็อ่านรายละเอียดทางขวา บอกเราว่า ลดถล่มแบบไม่สนใจ จาก 1,190 บาท เหลือ 599 บาท คลิกเลย แต่พอคลิก ไปยัง Landing Page กลับเจอหน้าแรก ผลคือ ในหน้านั้นมี สินค้าที่ตรงกับที่เราต้องการ แถมยังมีสินค้าให้เลือก หลากหลาย ผลคือ ลูกค้าหาสินค้าลำโพงตัวนั้นไม่เจอ หรือกว่าจะก็หมด Feeling จะซื้อพอดี

adsที่ 2- เห็นภาพสัตว์น่ารัก หัวเรื่อง ads บอกว่า “บริการณาปนกิจสัตว์เลี้ยง” ส่วนรายละเอียด – “ณาปนกิจสัตว์เลี้ยงแสนรัก การให้ครั้งสุดท้ายสำหรับเพื่อนที่ซื่อสัตย์และแสนดี” จากนั้นเมื่อคลิก Ads ก็พาเราไปหน้าที่ บอกว่า Service คือ บริการณาปนกิจสัตว์เลี้ยง บอกเบอร์โทร และ สถานที่ และ content ที่พอจะทำให้ปิดการขายได้

ฉะนั้น การทำ Landing Page ที่พุ่งตรงไปยังสินค้าที่เราลง Ads ไว้ โอกาสที่ลูกค้าจะเปลี่ยนใจย่อมลดลง แถมทำให้ ROI ในส่วนของ Order/ad Cost เพิ่มขึ้นด้วยครับ

จำไว้เสมอครับ เวลาเราลง Online Ads ไม่ใช่เพียงแค่ Facebook ads พวก  Adwords ของ Google  หรือ Email Marketing Ads ก็ใช้หลัก “หลักการบีบให้จอด” โดยการทำ Ads ให้ตรงเป้าหมาย ตรงกับ Ads มากที่สุด

“หลักการบีบให้จอด” ผมเปรียบเหมือน เวลาคุณขับรถไปจอดในตอนก่อนเปิดห้าง หรือ ที่ๆจอดรถ 100 คัน ตอนที่เข้าไปจอด มีที่จอดเหลือ 99  ที่ หากคุณไม่เคยมีที่ประจำ เวลาเราไปจอด ก็จะเห็นว่า ในสมองจะบอก จอดตรงนั้นก็ดี จอดตรงนี้ก็ดี เลือกไม่ถูก แม้จะจอดไปแล้ว แต่ก็นึกๆดูอีกที อีกที่ดีกว่า แต่ถ้าเปลี่ยน ห้างหรือตึกน้ัน ตั้งป้าย ที่จอดนี้ดีที่สุด 2 ที่เวลานี้ เราก็จะเลือกจอด 1 ใน 2 ที่ ตรงเป้าหมายของทั้งสองฝ่าย ฝ่ายคนขับก็สบายใจมีคนแนะนำ ฝ่ายอาคารก็สบายใจ จอดกันไม่สเปะสปะ

การทำ  Landing ก็เหมือนกันครับ Landing Page คือหน้าเว็บที่คุณต้องการพากลุ่มเป้าหมายไปหน้านั้น หากคุณต้องการปิดการขายสินค้าตัวใดก็พาไปที่ตัวนั้นหน้านั้น ส่วนจะขายอย่างอื่นก็ลองอาศัย เมนู Recommended Product อะไรก็ได้เพื่อเพิ่มยอดขาย หรือ หากอยากให้ลูกค้าลงทะเบียนสมาชิกก็พาเค้าไปที่หน้า ลงทะเบียนเลย หรือ อย่างมากอาจจะมี เงื่อนไขการสมัครแล้วก็ไปยังหน้าสมัครสมาชิก

ลองใช้หลักนี้กันดูนะครับ ^  ^

 

 

 

เห็นชื่อเรื่องแล้ว ผมเองยังต้อง อุทานกับ วัยรุ่นจนถึงวัยทำงานตอนต้นสมัยนี้ แทบจะไม่เชื่อเลยว่า จะเป็นกันขนาดนี้

บ่อยครั้ง นักเรียนที่ผมไปสอนเรื่อง Digital Marketing ตามบริษัทต่างๆ จะถามว่า มี Facebook Page มี Instagram ของแบรนด์ และเพิ่งเริ่มจะซื้อ LIKE ดีมั้ย ผมมักจะแนะนำให้ซื้อ เมื่อจำเป็นจริงๆ เช่นใช้วิธีฟรีๆก็แล้ว ลง Ads ก็แล้ว FAN หรือ Follower ไม่กระเตื้องซะที LIKE ในPost หรือ รูปใน instagram น้อยเหลือเกิน ถ้าอย่างน้ัน หนทางสุดท้ายคือ ซื้อ LIKE กันไปเลยก็แล้วกัน ซึ่งมีให้บริการดาษดื่น ง่ายๆก็หาใน Google เอา

increase-like

ไหนๆก็ใช้บริการผ่านคนอื่นมาเยอะแล้ว เมื่อ2-3 วันก่อนก็เลยลองอาสาเป็นคน LIKE บ้าง ซึ่งเป็นบริการของเว็บแห่งหนึ่ง โดยเราสมัครเพื่อเป็นคน LIKE แล้วแต่ละ LIKE ไม่ว่าจะ LIKE Facebook Page หรือ post หรือ Follow/like instagram ก็จะได้คะแนนมาเป็นเหรียญ เอาไว้เวลาเราอยากได้ FAN ใน Facebook หรือ Follower ใน Instagram เพิ่มก็เอาเหรียญไปแลกโดยเราสามารถตั้งราคาเหรียญได้ว่าถ้าสมาชิก LIKE เราๆจะให้กี่เหรียญ

จากการทดลอง 2-3 วันซึ่งก็ได้มาเป็น 1000 + เหรียญ ก็ได้พบเรื่องที่น่าตกใจสำหรับตัวเอง อะไรน่ะหรือ ถ้าเป็น แบรนด์หรือสินค้าที่ต้องการเพิ่ม LIKE หรือ Followers ก็คงเป็นเรื่อง ปกติ แต่สิ่งที่ได้พบคือ Profile ใน Instagram ที่ต้องการ Followers / Post ของ Facebook เพิ่ม กลับเป็นของ คน! คน จริงๆครับ 50-60% จะเป็นของคนต้องการซื้อ Instagram Followers หรือ ขอเพิ่ม LIKE ในรูป Instagram หรือ Post ใน FB ที่สำคัญ​จากการคะเนทางสายตา คนเหล่านั้นจะอยู่ในวัยเรียน วัยรุ่น วันทำงานตอนต้น เสียมาก

มันแสดงให้เห็นถึง คนยุคนี้ โหยหา ความรักจากคนที่ไม่รู้จัก โหยหาความสุขจากสิ่งที่ไม่รู้ว่ามันจริงไม่จริง คนเหงาเยอะเหลือเกิน การจะได้ LIKE มาเสมือนความสุข หรือการที่ได้ LIKE มากๆ มากกว่าคนอื่นดูจะเป็นความสุข ทั้งที่ๆ ในบ้านนี้เมืองนี้ บ้านเมืองที่ได้ชื่อว่า เมืองพุทธ คนในเมืองนี้กลับไม่เข้าใจ ความสุขนั้นมันมาจากการได้เรียนรู้ทุกข์ ไม่ใช่การหนีทุกข์ด้วยการซื้อ LIKE เพื่อสุข

ลองคิดเพิ่มอีกนิด แล้วถ้าไม่มีช่องทางให้ซื้อ LIKE แบบนี้ คนเหล่านี้ คงจะทุกข์อย่างยิ่ง เหมือนกับคุณค่าของตน คือสิ่งที่ได้รับจากคนอื่น ทั้งๆที่ คุณค่าของตนเองเรานั้น พิสูจน์ได้อีกหลายทาง

ในฐานะที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมากว่า 43 ปี อยากฝากถึงวัยรุ่นวัยเรียนว่า คุณค่าของน้องๆ มีมากกว่านั้นนะ การเรียนให้สำเร็จ การมองอนาคตและวางแผนในอาชีพที่ตนภูมิใจ น่าจะเป็นทางหนึ่งที่สร้างคุณค่าให้ตนเองนะ :)

 Infographic 2 ชิ้นนี้รวบรวมข้อมูลและจัดทำขึ้นโดย Go-Globe.com บอกให้เรารู้ว่า นาทีที่ผ่านไปแต่ละนาทีเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างโดยชิ้นแรกกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงใน Social Network ไม่ว่าจะเป็น Facebook , Twitter , Youtube  เป็นต้น ชิ้นที่สองจะพูดถึงเครื่องมืออิเลคโทรนิกส์ที่ใช้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ท

Social Network 2011 Infographic such as facebook, twitter, skype

จะเห็นว่า ทุกนาทีจะมีคนคนอัพสเตตัสบน FB มากกว่า 695,000 สเตตัส มีจำนวนแอคเค้าท์ใหม่ใน linkedin มากกว่า 100 แอคเค้าท์ มีคนส่งทวีตขึ้น twitter มากกว่า 98,000 ทวีต และอีกมากมาย

และคุณเชื่อมั้ยว่า ทุกนาทีจะมีคนซื้อ ipad 81 เครื่อง ขณะที่ iPhone 4s ขายได้ 925 เครื่อง BlackBerry ขายได้ 103 เครื่อง และทุกนาที Google มีรายได้เข้าบริษัท 75,000 ดอลล่าร์(แปลงเป็นเงินไทย ได้ประมาณ 2,277,750 บาท - อัตราฯของ UOB ซื้อที่30.37 บาท-28/12/2011) ฯลฯ

ที่มา : http://www.businessinsider.com/incredible-things-that-happen-every-60-seconds-on-the-internet-2011-12



จากความสำเร็จของ Foursquare และ Gowalla ในเมืองจีน David Liu เล็งเห็นโอกาสของการสร้าง LBS หรือ Location Based Service ในแบบของคนจีน ตอบสนองจีนด้วยกัน ด้วยภาษาจีน ทำให้ Jiepang(街旁 = Roadside) ถือกำเนิดขึ้นเมื่อเดือน พฤษภาคม 2010 ถึงวันนี้ก็เป็นเวลากว่า 1 ปี ที่ LBS ค่ายนี้วาดลายมังกรไปทั่วเมืองจีน ฮ่องกงและไต้หวัน จนขึ้นแท่นเบอร์ 3 ของ LBS ที่เหล่าลูกมังกรชื่นชอบ ท่ามกลาง LBS คู่แข่งกว่า 30 ค่ายในทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น digu.com , qieke.com (ค่ายนี้ หน้าตาเว็บเหมือน 4sqr มากๆ) ฯลฯ

Read More →

Hootsuite.com ทำการปรับเพิ่มแท๊บ Social Analytics ซึ่งอยู่ด้านซ้ายมือ ช่วยให้ผู้ใช้ทำการวิเคราะห์ TweetบนTwitter หรือ Feedบน Facebook ที่ทำผ่าน Hootsuite ได้ง่ายขึ้นที่แต่เดิมต้องเข้าไปที่เมนูของ Hootsuite ชม VDO CLIP ด้านล่าง

HootSuite Social Analytics from HootSuite on Vimeo.