สำรวจนิสัยคนรวย

Thomas Corley ผู้เขียนหนังสือ ” Rich Habits: The Daily Success Habits Of Wealthy Individuals ” (นิสัยเศรษฐี : อุปนิสัยความสำเร็จทุกวี่วันของคนร่ำรวย) เขาได้ใช้เวลา 5 ปีในการศึกษาชีวิตของคนรวยที่รายได้ต่อปีอย่างต่ำ 160,000 ดอลล่าร์หรือ 5.18 ล้านบาทโดยประมาณ และมี Liquid Net worth อย่างต่ำ 3.2 ล้านดอลล่าร์ หรือ ราว 1,037 ล้านบาท ( Liquid Net Worth ) สินทรัพย์ที่ลงทุนและสามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้ทันทีเช่น หุ้น กองทุนรวม ฯลฯ บ้าน รถ ไม่ถือเป็น Liquid Net Worth)

และศึกษาคนจนที่มีรายได้ต่อปีต่ำกว่า 35,000 ดอลล่าร์ หรือ 1.13 ล้านบาท และมี Liquid Net worth ไม่ถึง 5,000 ดอลล่าร์ หรือประมาณ 162,000 บาท พบว่า นิสัยหรือพฤติกรรมของ คนทั้ง 2 พวก ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

Thomas Corley

1. จับจ้องเป้าหมายไม่คาดสายตา

คนรวย 62 % เห็นด้วยกับ คำพูดที่ว่า “ฉันโฟกัสที่เป้าหมายที่ฉันต้องการทุกวัน! ”
ในขณะที่ เพียง 6% ของคนจน เห็นด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น คนรวยไม่ใช่แค่ตั้งเป้าหมายเป็นรายปี รายเดือน 67% ของคนเหล่านั้นยังเขียนมันออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร

2.คนรวยรู้ว่าวันนี้จะทำอะไร

“ฉันทำลิสต์กิจกรรมที่ต้องทำวันนี้เป็นประจำ ” คนรวย 81% เห็นด้วยกับประโยคดังกล่าว ขณะที่ 19% ของคนจนเห็นด้วย

และ 67 % ของคนรวยทำมันให้เสร็จ ส่วนอีก 70 % มักจะทำกิจกรรมของวันนั้นให้เสร็จภายในวันเดียว

3. คนรวยไม่ค่อยดูทีวี

” ฉันดูทีวีไม่เกิน 1 ชมต่อวัน ” คนรวย 67% เห็นด้วย ขณะที่คนจน 23 % เท่านนั้นที่เห็นด้วย
เศรษฐีเพียง 6% เท่านั้นที่ดู เรียลลิตี้ โชว์ เมื่อเทียบกับคนจนที่ดูรายการแบบนี้ 78% ใช่ว่าคนรวยจะเลี่ยงที่จะดูทีวี แต่เพราะเขาเหล่านั้นมีกิจกรรมที่สนใจจะทำมากกว่านั่นคือ การอ่าน!

4. คนรวยชอบอ่าน แต่ใช่ว่าเพื่อความบันเทิงใจ

86 % ของคนรวยเห็นด้วยกับคำพูด “ฉันชอบอ่านหนังสือ” และ 26% ของคนจนเห็นด้วยกับประโยคนี้

แต่สิ่งที่คนรวย 88% อ่านคือ หนังสือที่เกี่ยวกับการพัฒนาตนเอง ซึ่งจะใข้เวลาในการอ่านอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน

5. แฟนตัวยงของหนังสือเสียง(Audio Book)

“ฉันฟัง Audio Book ระหว่างเดินทางไปทำงาน ”
คนรวย 63 % เห็นด้วย
คนจน 5 % เห้นด้วย

ส่วนใหญ่แล้ว สิ่งที่คนร่ำรวยจะฟังระหว่างเดินทางก็คือ เรื่องที่เกี่ยวกับการพัฒนาตนเอง

6. เวลางานของคนรวยใช่แค่ในออฟฟิศ

81% ของคนรวยเห็นด้วยกับประโยค “ฉันทำงานมากกว่าที่ต้องการ” ส่วนคนจนเห็นด้วยแค่ 17% เท่านั้น

นอกจากนี้ 86% ของคนรวยใช้เวลาเฉลี่ยไปกับงาน 50 ชม.หรือมากกว่า ต่อสัปดาห์ และมีคนรวยเพียง 6% ที่บอกว่าไม่มีความสุขกับงาน

7. ไม่เคยหวังบุญหล่นทับ

” ฉันเล่นหวยทุกงวดหรือเป็นประจำ”

คนจนเห็นด้วย 77% ขณะที่คนรวยเพียง 6% เห็นด้วย

ใช่ว่า เหตุผลของการไม่อยากเล่นก็เพราะมันเสี่ยง แต่ที่คนรวยส่วนใหญ่ที่เป็นเจ้าของธุรกิจนั้นพร้อมที่จะเสี่ยงเพื่อธุรกิจที่ได้ผลตอบแทนมากกว่าอยู่แล้ว

8. คนรวยดูแลสุขภาพ

คนรวยเห็นด้วย 57 % ขณะที่คนจนนั้มีเพียง 5% เท่านั้นที่เห็นด้วย

จากการศึกษา คนรวยอายุ 68 รายหนึ่ง ที่มี Net Worth 78 ล้านดอลล่าร์ Corley ได้โยนคำถามไปว่า ทำไมอายุเท่านี้ คุณยังไม่เกษียณล่ะ เขาตอบว่า ผมหันมาดูแลสุขภาพตัวเองตั้งแต่เมื่อ 45 ปีก่อน ออกกำลังกายทุกวัน ระวังในเรื่องอาหารการกิน เพราะผมรู้ดีว่า เมื่อเวลานั้นมาถึง ผมก็จะสามารถยืดเวลาเกษียณมากกว่าคนอื่นไปได้อีกสัก 4-5 ปี เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่คนอื่นๆจะทำเงินได้อีก 7 ล้านเหรียญแต่พวกเขาไม่!

9. คนรวยยิ้มทุกวัน

62% ของคนรวยเห็นด้วย! กับคนจนมีเพียง 16%

ยิ้มไม่ต้องการคำพูดใดๆ ใช่มั้ย

และนั่นคือ สิ่งที่ Thomas Corley ได้ศึกษาวิถีของคนรวย เราลองไปปรับใช้กัน เพื่อความมั่งคั่งกันดีมั้ยครับ

(จาก entrepreneur.com  – http://bit.ly/richmendo )

 

อ่านเจอใน facebook ของคุณ @inattt จากวง iHear  เป็นข้อคิดที่ดีของคนทำงานแบบเจ้านายตัวเอง ทำงานที่บ้าน หรือ Freelancer ซึ่งเป็นข้อคิดที่ดีและน่าสนใจ ผมจึงได้ขออนุญาตคุณ @inat ในการนำข้อคิด 10 ข้อมาแชร์ให้อ่านกันครับ

” การทำงานของผมที่ใช้ได้จริงกับคนที่ทำงานอยู่บ้าน คือ

  1. อย่าเก็บตัว
  2. สร้างตัวตนในโลกออนไลด์
  3. มีการพัฒนาตัวเอง
  4. คิดอะไรใหม่ๆตลอดเวลา
  5. ทำตัวให้สบายที่สุด
  6. หาแหล่งข้อมูล อย่าตกกระแส
  7. หาจุดเด่น และจุดยืนในการทำงานอิสระ
  8. ต้องไม่หายไปจากสังคม
  9. ให้เวลากับตัวเองเยอะๆ
  10. สร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆได้ตลอดเวลา
  11. (ข้อ10เป็นข้อที่ผมทำบ่อยที่สุด ทำมาตลอดชีวิต และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี) ^__^  ” 

ข้อคิดสำหรับคนทำงานที่บ้าน หรือ freelancer

^___^ ลองไปทำดูครับ

 

ขอขอบคุณคุณ Pakorn Inat(@inattt) ที่อนุญาต ให้นำข้อคิด 10 ข้อมาลงครับ

วันนี้ผมอดสงสัยไม่ได้ว่า แท้จริงแล้ว อิสรภาพที่คนเราต้องการคืออะไร หลังจากเข้าออกร้านหนังสืออยู่หลายบ่อย เห็นหนังสือที่สอน สั่ง ติวให้ทำ how to เพื่ออิสรภาพของชีวิต อิสรภาพทางการเงิน ซึ่งอย่างหลังออกมาหลายเล่มพอสมควร

นักเขียนหลายท่านที่เขียนในเรื่องของการสร้างความร่ำรวยให้ตัวเอง สร้างอิสรภาพทางการเงินให้ตนเอง บอกว่า อิสรภาพทางการเงิน คือการที่เราไม่ต้องวุ่นวาย ร้อนใจกับการทำงานงกๆเพื่อหาเงินต่อไป ปล่อยให้เงิน ทรัพย์สิน ทำงานของมันเอง ซึ่งกว่าจะถึงจุดนั้น หากเราเป็นคนหาเช้ากินค่ำ เติมสิ้นเดือน คงต้องเป็น “ทาสการเงิน” กันไปก่อน รอจนเราทำตามเป้าหมายที่จะเป็น อิสรภาพทางการเงิน ให้เงิน ทรัพย์สินทำงานให้เรา ผลิตเงินให้เรา และเมื่อเงิน หรือทรัพย์สินทำงานให้เราจนเรามีเวลาเหลือไปทำสิ่งที่เราอยากทำมากกว่า นั่นแหล่ะ เค้าเรียก อิสรภาพทางเงิน (Financial Freedom)

อิสรภาพทางการเงิน

จริงหรือ ??

คำว่าอิสรภาพในทรรศนะของผม คือ เป็นไท หรือ ไม่ต้องพึ่งพา หรือ พึ่งพาก็ไม่ต้องมาก ทำให้ผมย้อนกลับไปคิดว่า เราทำอะไรมากมาย เพื่ออิสรภาพทางการเงิน จริงๆแล้ว เราก็ยังเป็นทาสมันอยู่ดี ไม่ได้เป็นอิสระจากมันหรอก นับตั้งแต่ มนุษย์กำหนดให้เงินเป็นสื่อกลางแห่งการแลกเปลี่ยน ด้วยเหตุนี้ ผมจึงไม่ใคร่เห็นด้วยกับ คำว่า อิสรภาพทางการเงิน เท่าไหร่

แล้วจะหาคำไหนมาแทนเล่า ?

อาจจะเป็นเพราะ คนเรา แท้จริงแล้ว ถวิลหาคำว่า อิสรภาพ กันทั้งชีวิต ทั้งที่ เมื่อร้องอุแว๊ๆ เราก็ขาดอิสรภาพไปแล้ว อย่างน้อยทำคลอดสมัยนี้ก็ต้องพึ่งเงินอยู่ดี เด็กน้อย แล้วอย่างนั้น ผมควรจะเรียก อิสรภาพทางการเงิน ที่คนเราต้องการว่าอะไรดีล่ะ ณ ตรงนี้ ผมเองก็ยังนึกไม่ออก รู้แต่เพียงว่า เราต้องเรียนรู้ว่า คำนี้มันไม่มีจริง เรายังเป็นทาสมันอยู่ แต่ทำอย่างไรล่ะ จะเป็นทาสมันอย่างมีความสุข ก็เท่านี้