unfinished blog book ตอนที่แล้ว


หากจะทำว่าคนที่ทำบล็อกนั้น หลากหลายครับแม้ว่าบล็อกจะเริ่มจากกลุ่มคนไอทีซึ่งทำบล็อกขึ้นมาเพื่อเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับไอที แต่ในปัจจุบัน คนหลากหลายอาชีพทำบล็อกขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ต่างๆกันไปอย่างที่ผมบอกไว้ตอนต้น ในเมืองไทยบล็อกส่วนใหญ่จะจำกัดอยู่ในเรื่องของไดอารี่ออนไลน์ คนเขียนไดอารี่ออนไลน์ก็มักจะเล่าเรื่องส่วนตัวหรือสิ่งที่ผมเจอและความคิดเห็นที่ผ่านมาในแต่ละวัน แต่ในต่างประเทศแล้ว คนที่ทำบล็อกมีตั้งแต่เด็กมัธยมไปจนถึงคนสูงอายุ อาชีพอิสระไปจนถึงนักการเมือง พนักงานบริษัท ผู้จัดการไปจนถึง ซีอีโอ ก็เขียนบล็อกครับดูอย่าง โจนาธาน ชวาตซ์ (Jonathan Schwartz) ประธานและ CEO คนปัจจุบันของซัน ไมโครซิสเต็ม (Sun Microsystem) ซึ่งเป็นบริษัทเจ้าของ JAVA ซอฟแวร์และฮาร์ดแวร์ชั้นนำของโลก ใช้บล็อกเป็นเครื่องมือในการสื่อสาร กับพนักงานระดับล่างและลูกค้า   

Jonathan's Blog
Blog ของ CEO แห่ง Sun Microsystem

คนที่ทำบล็อก เขียนบล็อกจะถูกเรียกว่า “ Blogger ”(บล็อกเกอร์) เรื่องที่เขียนก็หลากหลายต่างกันไปเช่นคนที่รักการทำอาหารก็เขียนบล็อกเรื่องการทำอาหารเช่น www.101cookbook.com ของ ไฮดี้ สแวนสัน(Heidi Swanson) ซึ่งเป็นช่างภาพและคอลัมนิสต์ที่ภาพและคอลัมน์ของเธอถูกตีพิมพ์ในหนังสือดังหลายเล่มเช่น Washington Post, Vegetarian Times, Whole Foods Markets ฯลฯ เธอบอกว่า เธอชอบที่จะสะสมหนังสือทำอาหารและเมือสะสมมากกว่า 100 เล่มแล้วเห็นทีเธอจะต้องหยุดเสียที แล้วลงมือทำอาหารบ้าง จากนั้นก็บอกเล่าสูตรอาหารที่เธอทำและหนังสือทำอาหารให้ผู้สนใจเช่นเดียวกับเธอได้อ่าน หรือ www.rocketboom.com  ซึ่งเป็น Vlog ของกลุ่มblogger ที่ทำ Blog เพื่อต้องการเสนอเรื่องราวของเทคโนโลยี ศิลปะระดับชาติ หรือบล็อกอย่าง http://www.wikihow.com ซึ่งเป็นกลุ่ม Blogger ที่อยากนำเสนอเรื่องอะไรก็แล้วแต่ที่เป็น How-To ของเขาให้นำลงบล็อกนี้ได้ฟรี

คนที่ทำบล็อก เขียนบล็อกจะถูกเรียกว่า “ Blogger ”(บล็อกเกอร์) เรื่องที่เขียนก็หลากหลายต่างกันไปเช่นคนที่รักการทำอาหารก็เขียนบล็อกเรื่องการทำอาหารเช่น ของ ซึ่งเป็นช่างภาพและคอลัมนิสต์ที่ภาพและคอลัมน์ของเธอถูกตีพิมพ์ในหนังสือดังหลายเล่มเช่น Washington Post, Vegetarian Times, Whole Foods Markets ฯลฯ เธอบอกว่า เธอชอบที่จะสะสมหนังสือทำอาหารและเมือสะสมมากกว่า 100 เล่มแล้วเห็นทีเธอจะต้องหยุดเสียที แล้วลงมือทำอาหารบ้าง จากนั้นก็บอกเล่าสูตรอาหารที่เธอทำและหนังสือทำอาหารให้ผู้สนใจเช่นเดียวกับเธอได้อ่าน หรือ   ซึ่งเป็น Vlog ของกลุ่มblogger ที่ทำ Blog เพื่อต้องการเสนอเรื่องราวของเทคโนโลยี ศิลปะระดับชาติ หรือบล็อกอย่าง ซึ่งเป็นกลุ่ม Blogger ที่อยากนำเสนอเรื่องอะไรก็แล้วแต่ที่เป็น ของเขาให้นำลงบล็อกนี้ได้ฟรี

101 cook book

เห็นมั้ยครับว่า หลากหลายจริงๆ และท้ายที่สุด บล็อกที่ผมอยากเห็นและอยากแนะนำก็คือ บล็อกของผู้อ่านทุกท่านครับ คุณผู้อ่านคงเริ่มอยากเล่าเรื่องของตัวเองบ้างแล้วนะครับ 

เห็นมั้ยครับว่า หลากหลายจริงๆ และท้ายที่สุด บล็อกที่ผมอยากเห็นและอยากแนะนำก็คือบล็อกของผู้อ่านทุกท่านครับ คุณผู้อ่านคงเริ่มอยากเล่าเรื่องของตัวเองบ้างแล้วนะครับ

Tags: , , , , , ,

unfinished blog book ตอนที่แล้ว


2. แบ่งตามประเภทเนื้อหา ได้แก่
2.1 บล็อกส่วนตัว(Personal Blog) นำแสนอความคิดเห็น กิจวัตรประจำวันของเจ้าของบล็อกเป็นหลัก
2.2 บล็อกข่าว(News Blog) บล็อกที่นำเสนอข่าวเป็นหลัก
2.3 บล็อกกลุ่ม(Collaborative Blog) เป็นบล็อกที่เขียนกันเป็นกลุ่ม เช่น blognone.com
2.4 บล็อกการเมือง(Politic Blog) ว่าด้วยเรื่องการเมืองล้วน ๆ
2.5 บล็อกเพื่อสิ่งแวดล้อม(Environment Blog) พูดถึงเรื่องราวของธรรมชาติและการรักษาสิ่งแวดล้อม
2.6 มีเดียบล็อก(Media Blog) เป็นบล็อกที่วิเคราะห์สื่อต่างๆ สารคดีและสิ่งที่เกี่ยวกับสื่อ เช่น oknation.net/blog/black ของสุทธิชัย หยุ่น
2.7 บล็อกบันเทิง(Entertainment Blog) บล็อกที่นำเสนอเรื่องราวบันเทิงทั้งทางจอแก้ว และจอเงิน เรื่องซุบซุดารา กองถ่าย ฯลฯ
2.8 บล็อกเพื่อการศึกษา(Educational Blog) ในโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัยในต่างประเทศมักจะใช้บล็อกเป็นสื่อในการสอนหรือ แลกเปลี่ยนความคิดกัน
2.9 ติวเตอร์บล็อก(Tutorial Blog) เป็นบล็อกที่นำเสนอวิธีการต่าง ๆ ประเภท HOW-TO
2.10 บล็อกท่องเที่ยว(Travelling Blog) เป็นบล็อกที่จะพาคุณเที่ยวไปในที่ต่าง ๆ รวมถึงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการเดินทาง
2.11 บล็อกเกี่ยวกับศาสนา(Religious Blog) เป็นบล็อกที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านคำสอนต่าง ๆ ของศาสนา
2.12 บล็อกธุรกิจ(Business Blog)เป็นการประยุกต์ใช้บล็อกในเชิงธุรกิจ เชิงการตลาด หรือประชาสัมพันธ์
2.13 วีบล็อกเพื่อคนหูหนวก(Deaf vlogs) เป็นvlog ครับซึ่งเป็นของสมาชิกกลุ่มคนหูหนวกโดยใช้สื่อวิดีโอ ในการสื่อสารระหว่างกัน
2.14 บล็อกรวม หรือ blog anachy เป็นบล็อกที่ไม่ได้พูดถึงเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่จะมีเรื่องราวหลายประเภท อยู่ในบล็อก
นอกจากจะมีการแบ่งประเภทของบล็อกออกเป็น 2 ประเภทใหญ่แล้ว ยังมีการแบ่งเป็นของบล็อกออกตามความเป็นเจ้าของได้แก่ บล็อกส่วนตัวทีมีเจ้าของคนเดียว เรียกว่า Individual Blog และ บล็อกที่สร้างขึ้นโดยบริษัท หรือองค์กรที่เรียกว่า Corporate Blog

Tags: , , , , , , , , , , , , ,

ประเภทของ Blog

บล็อกที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ใช่มีเพียงแค่บล็อกที่เป็นตัวหนังสือและรูปภาพเท่านั้น หรือ มีแค่ออนไลน์ไดอารี่ เราแบ่งบล็อกออกได้ 4 ลักษณะดังต่อไปนี้ครับ

1. แบ่งตามลักษณะของมีเดียที่มีในบล็อกได้แก่

1.1. Linklog บล็อกแบบนี้น่าจะเป็นบล็อกรุ่นแรก ๆ เป็นบล็อกที่รวมลิ๊งก์ที่เจ้าของบล็อกสนใจเอาไว้ ถ้าคณยังจำผู้ให้กำเนิดคำว่า “บล็อก” ที่ชื่อ จอห์น บาจเจอร์ได้ นั่นแหล่ะครับ robotwisdom.com ของเขาคือตัวอย่างของ linklog นั่นเอง แม้ว่าจะบล็อกแบบนี้จะเป็นการรวมลิ๊งก์เท่านั้น แต่ก็ไม่เรียงเหมือนว็บไดเร็กทอรี่ เพราะเจ้าของบล็อกจะโพสต์ลิ๊งก์ของเขา 1 – 2 ลิ๊งก์ต่อโพสต์เท่านั้นครับ ใครที่อยากมีบล็อกเป็นของตนเองแต่ยังนึกไม่ออกว่าจะทำบล็อกแบบไหน linklog น่าจะเป็นการเริ่มต้นการทำบล็อกได้เป็นอย่างดี

1.2 Photoblog ชื่อก็บอกอยู่แล้วครับว่า Photo บล็อกประเภทนี้เน้นในโพสต์ภาพถ่ายที่เจ้าของบล็อกอยากนำเสนอ และมักจะไม่เน้นที่จะเขียนข้อความมากนัก บางบล็อกเรียกได้ว่าภาพโดยเจ้าของบล็อกล้วน ๆ เลยครับ

1.3. Vlog ย่อมาจาก Videoblog เป็นบล็อกที่รวมวิดีโอคลิปไว้ในบล็อก Vlog เป็นบล็อกที่เรียกได้ว่าเป็นบล็อกที่นิยมทำกันมากในอนาคต เพราะการเจริญเติบโตของไฮสปีด อินเตอร์เน็ต หรือ อินเตอร์เน็ตบอร์ดแบนด์ ที่ทำให้การถ่ายทอดเสียง ภาพเคลื่อนไหว movie clip เป็นไปได้ดีขึ้นมา ภาพและเสียงลื่นไหลกว่าเน็ตยุค dial-up modem

Vlog ถูกมาใช้ในครั้งแรกโดยนายเอเดรียน ไมลส์(Adrian Miles) ซึ่งโพสต์แรกของนายเอเดรียน คนนี้เริ่มข้นเมื่อวันที่ 27 พ.ย. ปี 2000 ใน hypertext.rmit.edu.au/vog/vog_archive/000082.html

Vlog 2.0
” Vlog โพสต์แรกของ นายเอเดรียน ไมลส์ “

สำหรับแหล่งรวม vlogger แหล่งใหญ่คือ Yahoo! Videoblogging Group ผู้ที่ริเริ่มทำ vlog community ของ Yahoo คือ นายปีเตอร์ แวน เดิร์ก (Peter Van Dijck) และ เจย์ เดดแมน(Jay Dedman) ซึ่งเริ่มขึ้นในปี 2004

Yahoo Tech
” Yahoo! Videoblogging Group ”

สิ่งแสดงถึงความอลังการของ Vlog คือการจัดการประชุมVlog ถึง 2 ครั้ง ซึ่งเรียกว่า Vloggercon ในงานนี้ถือว่าเป็นแหล่งรวม vlogger ไว้มากมาย ครั้งแรกของ Vloggercon ถูกจัดขึ้นในปี 2005 ในนิวยอร์ค ส่วนครั้งที่สองผ่านไปเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2006 ในซานฟรานซิสโกครับ

VCON 2005
” ส่วนหนึ่งจาก Vlogcon 2005 “

Tags: , , , ,

2. Blog VS Webboard

เป้าหมายที่เหมือนกันอย่างหนึ่งของบล็อกและเว็บบอร์ดคือ เป็นเวทีแสดงความคิดเห็น ในลักษณะที่เรียกว่า User Generated Content หรือ Content ที่เกิดจาก User แต่สิ่งที่ต่างกันคือ เว็บบอร์ดนั้นเปิดกว้างสำหรับทุกคน ให้เข้าไปโพสต์ข้อความ แม้ว่าบางบอร์ดจำเป็นต้องแสดงตัวโดยการสมัครสมาชิกก่อนจึงจะโพสต์ข้อความ และเพราะเว็บบอร์ดจำเป็นต้องมี modulator หรือผู้ดูแลบอร์ดให้เนื้อหาในบอร์ด หรือการโพสต์ข้อความ การแสดงความคิดเห็นเป็นไปอย่างมีคุณภาพ แต่ใช่ว่าการจัดการเว็บบอร์ดจะง่ายดายเสมอไป ยิ่งบางบอร์ดในเมืองไทย คุณอาจจะเห็นการโพสต์ข้อความที่ไม่เกี่ยวกับเป้าหมายของบอร์ด อย่างเช่น “ลดน้ำหนัก ไม่ต้องกิน ยา ”, “ทำงานบนเน็ต รวยได้ง่าย ๆ เพียง วันละ 3 ชม. ” และพวก MLMวิชามารอีกมากมาย เป็นต้น หาก modulator ละเลยก็จะทำให้บอร์ดดูน่าเบื่อ อ่านไปก็เจอแต่โฆษณาอย่างว่า มันจะดูน่าเบื่อเพียงแต่สิ่งที่จะได้รับคือ จำนวนคนในวงกว้าง
สำหรับ บล็อก นั้นต่างกัน เพราะบล็อกเกิดจากคนหนึ่งคนหรือกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งทีมีความสนใจเหมือน ๆกัน เข้ามาโพสต์หัวข้อเรื่องและคนที่จะโพสต์ได้จะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของ บล็อกเท่านั้น และในส่วนของการแสดงความคิดเห็นหรือ comment เจ้าของบล็อกก็สามารถตรวจสอบหรือไม่ก็ปิดฟังก์ชั่นแสดงความคิดได้ ทำให้เนื้อหาของบล็อกมีคุณภาพกว่า เพียงแต่จำนวนและลักษณะคนที่เข้ามาที่บล็อกอาจจะน้อยกว่าและเฉพาะเจาะจงกว่าหรือเป็น Niche มากกว่านั่นเอง

ดังนั้น การจะตอบคำถามว่าจะบล็อกหรือจะบอร์ดดี คงต้องชั่งน้ำหนักข้อดี ข้อด้อย และเป้าหมายของคุณว่าเป็นแบบใดครับ

Tags: , ,,,,,

จะ webblog หรือ website ดีล่ะนี่

ตามคำนิยาม Blog ก็คือ website ประเภทหนึ่งครับ แต่การจะเลือกว่าจะทำ blog หรือ จะทำ website ดีสำหรับเมืองไทย อย่างหลังดูจะถูกนำมาใช้มากกว่า เพราะ blog ในเมืองไทยยังเป็นเหมือนโลกเร้นลับอยู่ แต่คนไทยจะรู้จักเว็บไซต์อยู่ เมื่อเทียบกับในต่างประเทศอย่างแล้วการทำบล็อกในยุคนี้ดูจะเฟื่องฟูกว่าเป็นไหน ๆ เพราะมันง่ายดายกว่าทำเว็บไซต์ แต่ก็นั่นอีกล่ะครับ จะทำเว็บไซต์หรือเว็บบล็อกก็ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของเราว่าทำเว็บเพื่ออะไร

1. Website VS Weblog
 หากมีคนมาถามผมว่าอยากมีเว็บเป็นของตนเองหรือทำเว็บบล็อกดี ผมจะไม่บอกคำตอบหรือฟันธงว่าคุณควรจะทำเว็บนั้นเว็บนี้สิ หรือทำบล็อกนั้นบล็อกนี้สิ แต่ผมอยากให้คุณพิจารณาสิ่งที่ผมจะบอกต่อไปนี้ครับ

  • การทำเว็บไซต์ไม่ว่าเว็บไซต์ขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ อาจจะต้องใช้พลังงานหรือทรัพยากรจำนวนมาก ต้องคิดว่า content ในเว็บไซต์ควรจะมีอะไรบ้าง จะแบ่ง content เป็นกี่ประเภท ยิ่งถ้าริจะทำ Portal site ก็ต้องคิดหนักหน่อยเพราะเจ้าตลาดอย่าง sanook.com, kapook.com ก็กินส่วนแบ่งการตลาดเกินครึ่งแล้ว อีกทั้งยังต้องคิดว่าจะนำเสนอกลุ่มไหนดีความถี่ในการอัพเดตเว็บบ่อยแค่ไหนเพื่อไม่ให้กลายเป็นเว็บตายหรือแน่นิ่ง เว็บไซต์ที่ไม่มีการอัพเดตข้อมูลเลยประเภทชาติหน้ามีโอกาสจะได้อัพเดตให้มันดีกว่านี้ แล้วจะทำเว็บไซต์ไปทำหยังล่ะครับ แต่กลับบล็อก ถ้าคุณบ้าพลังอัพเดตมันทุกวันมีเรื่องเล่าทุกวันและยิ่งเปิดโอกาสให้เพื่อนบ้าพลังเหมือนกันมาเป็น blogger ร่วมเขียน post ด้วยแล้ว ก็หายห่วงครับ บล็อกกลับมีชีวิตชีวาแน่
  • ในการทำเว็บไซต์สำหรับองค์กรเพื่อส่งสาส์นไปให้ลูกค้าแล้ว ดูเหมือนว่าเว็บไซต์จะดูจริงจังกว่า แต่กลับบล็อกแล้วการนำเสนอแบบที่เรียกว่า “เราจะคุยให้ฟัง ” ทำให้องค์กรกับลูกค้าดูเป็นมิตรมากขึ้น ลองนึกดูครับว่าถ้าเพื่อนสนิทของคุณมาเล่าประสบการณ์การใช้ไปทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งบรรยายถึงความอร่อยของอาหารจนต้องหาโอกาสไปอีกครั้งหนึ่งให้ได้ กับการอ่านโบรชัวร์แนะนำร้าน โอกาสที่คุณจะคล้อยตามนั้น ก็อยู่ที่จะเชื่อเพื่อนหรือร้านอาหารมากกว่ากัน บล็อกก็เช่นกันครับ มันสามารถทำตัวเป็นเพื่อนกับลูกค้า ในขณะที่เว็บไซต์ของร้านทำประหนึ่งเป็นโบรชัวร์ของร้านนั่นเอง
  • ปัญหาใหญ่ ๆ ที่คนทำเว็บมือใหม่ต้องเจอคือ จะใส่ content อะไรดีนะ แล้วข้อมูลมาจากไหน แต่กลับบล็อกข้อมูลอยู่ที่คุณเองครับ คุณอยากเขียนเป็นไดอารี่ คุณก็เขียน คุณอยากเสนอผลงานวิจัยส่วนตัว บรรเลงเลยบนบล็อกส่วนตัว

เห็นมั้ยล่ะครับว่า เหตุผลที่จะเลือก Blog หรือ Website อยู่ที่คุณ แต่ก็ใช่ว่าจะต้องเลือกอย่างใดอย่าหนึ่งเสมอไป หลาย ๆ เว็บไซต์ก็มีเว็บไซต์อยู่แล้ว แต่ได้นำบล็อกมาเป็นส่วนเสริมในการทำตลาดผ่านเว็บเพิ่อช่วยให้ใกล้ชิดลูกค้ามากขึ้นนั่นเอง

ครั้งหน้ามาดูกันว่า Blog กับ Webboard ซึ่งเป็น User Generated Content อันไหนจะเหมาะกับการนำไปใช้ให้เข้ากับความต้องการของคุณกว่ากัน

Tags: , ,,