ต่อไปนี้เป็นเว็บฮ๊อทฮิต ที่คนไทยนิยมดูในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาจาก Alexa.com (25 Nov 2009) And the winner goes to

  1. “Google.co.th” : แน่นอนครับ ใครๆก็เข้า ใครๆก็ใช้  แล้วจะไม่ติดอันดับได้อย่างไร เพราะ “ดีใจจัง ค้นแล้วเจอเลย” และเกือบทุกครั้งเวลาเราพิมพ์ google.com มันจะ redirect ไป google.co.th ทุกทีไป
  2. Windows Live :  Search Engine ตระกูล microsoft ที่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนเป็น BING.COM
    Read More →

กระแสเกมส์ออนไลน์กำลังมาแรงมากในหมู่ผู้บริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิง ทำให้เกมส์ดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะกลายมาเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพสูงในอนาคต

กระแสที่กำลังมาแรงมากในปัจจุบันคงหนีไม่พ้นเครือข่ายสังคมออนไลน์ จากผลสำรวจพบจำนวนผู้เล่นเกมส์ออนไลน์ โดยเฉพาะเกมส์ที่มีการเก็บสะสมคะแนนเพื่อไปแลกซื้อของผ่าน Social Network ต่างๆเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีแนวโน้มว่าเกมส์ลักษณะดังกล่าวจะกลายเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพในอนาคต

happy aquarium

จากการสำรวจของ Q Interactive บริษัทผู้ให้บริการด้าน Online Marketing พบว่าแบรนด์ต่างๆสามารถสื่อสารโดยตรงกับผู้บริโภคผ่านทางเกมส์ออนไลน์ในลักษณะการซื้อขายไอเท็มต่างๆในเกมส์ ซึ่งผู้เล่นจะต้องใช้เงินหรือคะแนนสะสมบนโลกเสมือนจริง (Virtual Currency) ไปแลกซื้อ และผู้บริโภคกว่า 10.4% ยอมรับว่าได้มีการใช้เงินจริงๆเพื่อไปแลกซื้อคะแนนบนโลกออนไลน์

มร.แมท ไวซ์ ประธานบริษัท Q Interactive เปิดเผยว่า “หากแบรนด์ต่างๆสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภคได้ ก็จะทำให้แบรนด์นั้นๆเข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภคได้ไม่ยาก เนื่องจากผู้บริโภคมีความสนใจและต้องการที่จะรับข้อมูลผ่านเกมส์นั้นๆอยู่เป็นทุนเดิม ซึ่ง 41.2% ของผู้เล่นเกมส์ดังกล่าวเป็นผู้หญิงและ 57% จากกลุ่มดังกล่าวมักจะซื้อของผ่านทางอินเตอร์เนตในชีวิตประจำวัน”

จากการสำรวจของ AppData.com พบว่าเกมส์ที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ได้แก่ Farmville, Causes, Café World, Mafia Wars และ Happy Aquarium ซึ่งเป็นเกมส์บน Social Network ฮอตฮิตอย่าง Facebook

ที่มา Brandage.com

เฟสบุ๊กแถลงชนะคดีต่อต้านการส่งข้อความขยะกับนักการตลาดออนไลน์ชื่อดังนามแซนฟอร์ด วอลเลซ (Sanford Wallace) ระบุศาลแคลิฟอร์เนียตัดสินให้บริษัทโฆษณาจ่ายเงินให้เฟสบุ๊กจำนวน 711 ล้านเหรียญสหรัฐเป็นค่าเสียหายฐานเข้าถึงหน้าสมาชิกผู้ใช้เฟสบุ๊กโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงการแอบอ้างส่งข้อความและโพสต์ข้อความปลอม

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ศาลสหรัฐฯสั่งลงโทษวอลเลซและให้ความคุ้มครองเว็บไซต์เครือข่ายสังคม ฐานละเมิดสิทธิคนออนไลน์ด้วยการก่อความเดือดร้อนรำคาญเพราะการส่งข้อความไม่พึงประสงค์ เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2008 เครือข่ายสังคมอย่างมายสเปส (MySpace) ก็ชนะคดีได้รับค่าเสียหายมูลค่ากว่า 230 ล้านเหรียญจาก Wallace และเพื่อนนาม Walter Rines ตัดสินโดยศาลลอสแองเจลิส หลังจากที่ปี 2006 วอลเลซถูกปรับ 4 ล้านเหรียญเพราะคดีส่งสปายแวร์หรือโปรแกรมสอดแนมไปรบกวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ต

โทษปรับ 711 ล้านเหรียญนี้ถือเป็นคดีความมูลค่าสูงเป็นอันดับ 2 รองจากเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2008 เฟสบุ๊กสามารถชนะคดีและได่รับค่าเสียหายจากนักการตลาดออนไลน์นาม Adam Guerbuez และบริษัท Atlantis Blue Capital ของเขาเป็นมูลค่า 873 เหรียญสหรัฐ ซึ่งส่งข้อความสแปมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศไปรบกวนสมาชิกเฟสบุ๊ก

จาก http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9520000130103

กูเกิลเปิดตัวคุณสมบัติสืบค้นข้อมูลใหม่ล่าสุด ใช้ชื่อบริการว่า Social Search ความสามารถหลักคือการสืบค้นข้อความที่เหล่ากลุ่มเพื่อนหรือรายชื่อผู้ติดต่อในเครือข่ายสังคมพิมพ์เผยแพร่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน มั่นใจเป็นประโยชน์กับชาวไอทีมหาศาล

ฟีเจอร์นี้เป็นหนึ่งในผลผลิตจาก Google Labs โดยในบล็อกของกูเกิลระบุว่าระบบสืบค้นข้อมูลในฟีเจอร์นี้จะเชื่อมกับฐานข้อมูลบุคคลสาธารณะที่กูเกิลรวบรวมไว้โดยอัตโนมัติ ทั้งบุคคลที่เป็นกลุ่มผู้ติดตามในทวิตเตอร์ (Twitter) รายการเพื่อนในเฟสบุ๊ก (Facebook) รวมถึงชื่อบัญชีในบริการจีเมลล์ (Gmail) และกูเกิลทอล์ก

ผู้ใช้จะมีสิทธิ์เลือกได้ว่าต้องการแบ่งปันหรือปกปิดข้อมูลใดก็ได้ รวมถึงสามารถเลือกได้ว่าต้องการสืบค้นข้อมูลจากเพื่อนคนใดเป็นพิเศษ

จาก cyberbiz – manager.co.th : http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9520000129273

จั่วหัวอย่างนี้ เจ้าของธุรกิจขนาดย่อม อาจอกสั่นขวัญแขวง สองจิตสองใจว่าจะเล่าแจ้งแถลงไข แกมเชิญชวนให้เข้ามาใช้บริการ หรือซื้อสินค้าของฉันผ่าน Facebook หรือจะ Twit ให้ต่อกันเป็นทอดๆดี แต่อย่าเพิ่งตกใจล่ะครับ เรื่องที่ผมจะเล่าน่ะมันเป็นผลของการทำ Research ฝั่งอเมริกาโน่น ปัจจัยต่างๆที่มีผลกับลูกค้าฝั่งโน้นตัดสินใจมาเป็นลูกค้าหรือจดจำ มันไม่ได้เหมือนกันซะทุกอย่างหรอกครับ ยังไงๆ ฟังไว้เป็นข้อมูลคงมั้ยเสียหลาย

ไหนๆก็เกริ่นซะยาว มาเริ่มกันเลยดีกว่า….

social network statหน่วยงานธุรกิจขนาดย่อม(Citi’s Small Business Segment)ทำการวิจัยเมื่อเดือนสิงหาคม 52 เพื่อทราบความเห็นของผู้บริหารธุรกิจขนาดย่อมจำนวน 500 คนว่าเขาเหล่านั้นเชื่อในพลังของ Social Network ที่จะช่วยในการสร้าง lead (กลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจจะซื้อสินค้า)มากแค่ไหน ผลปรากฏว่า 63% เห็นว่าไม่มีส่วนช่วยในการสร้าง Lead เลย ส่วนผู้ที่เห็นว่าสื่อนี้มีประโยชน์กับธุรกิจของเขาอย่างมากมีเพียงแค่ 3 % เท่านั้น และแม้ว่าผู้บริหารฯจะเห็นว่าการเข้าไปอยู่ในโลกของSocial Media เป็นหนทางหนึ่งในการโปรโมทธุรกิจ แต่ก็ยังกริ่งเกรงในเรื่องของ กำลังคนที่ต้องใช้เพิ่มขึ้นในการดูแลช่องทางทางการตลาดออนไลน์แบบนี้ ทำให้ผู้บริหารส่วนใหญ่ยินดีที่จะใช้ Search Engine ในการทำการตลาดมากกว่า Facebook Twitter หรือ LikedIn

และจากการสำรวจผ่านออนไลน์ของ Internet2Go และ MerchantCircle รายงานว่า ในบรรดาเจ้าของธุรกิจขนาดย่อม มี 45 % ที่ใช้ Facebook ในการโปรโมทธุรกิจ และสถิติของ internet2Go เผยให้รู้ว่าเจ้าของธุรกิจขนาดย่อมเพียง 22% ที่เห็นว่าการมี Profile ใน Social Network ต่างๆก็เป็นกลวิธีทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพวิธีหนึ่ง

ฟังอย่างนี้แล้วเจ้าของธุรกิจขนาดย่อมรู้สึกอย่างไรกันบ้างครับ จริงๆแล้วหากเจ้าของธุรกิจหวังว่าโปรโมทธุรกิจผ่าน Social Network เพียงช่องทางเดียว จะช่วยให้ธุรกิจของตนเองมีลูกค้ามากขึ้น อาจจะต้องเหนื่อยหน่อยครับ เพราะในสังคมออนไลน์สำหรับ Social Network นั้นการที่จะขายอะไรตรงๆ หรือ การโปรโมทแบบ Hardselling อาจไม่เป็นผลดีนักกับธุรกิจ บางทีเพื่อนร่วมก๊วนของคุณใน Facebook หรือ Twitter ฯลฯ อาจมองคุณว่าเป็นพวกที่จ้องแต่จะขายของท่าเดียว ทั้งที่ สังคมแบบนี้มีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อสร้างกลุ่มเพื่อน เพื่อshare ประสบการณ์เล่าสู่กันฟัง การที่จะทะเร่อทะร่า ตะบี้ตะบัน ยัดเยียด สินค้าให้เพื่อน รังแต่จะโดนรังเกียจเดียดฉันท์ ดีไม่ดีจะโดนผลักออกจากกลุ่มเพื่อนของคุณ ไม่รู้ด้วยนะ แต่ทั้งนี้ไม่ใช่ว่า Social Network จะไม่ช่วยให้คุณขายของได้เลย ไว้คราวหน้าโน้นนน จะมาเล่าให้ฟังว่าเข้าทำการตลาดบน Social Network แบบโดนๆ เค้าทำกันอย่างไร ครั้งนี้ไปล่ะคร้าบบบ…. :)

 

อ้างอิง: emarketer.com