Clip รายการบันทึกโลก เรื่องของ Google และแนวคิดในการทำธุรกิจของ Google ช่วงที่ 3

MyspaceTV: [myspacetv 10676732]

Links :
Clip รายการบันทึกโลก เรื่องของ Google และแนวคิดในการทำธุรกิจของ Google ช่วงที่ 2
Clip รายการบันทึกโลก เรื่องของ Google และแนวคิดในการทำธุรกิจของ Google ช่วงที่ 4

Tags: , , , ,

Clip รายการบันทึกโลก เรื่องของ Google และแนวคิดในการทำธุรกิจของ Google ช่วงที่ 2

MyspaceTV: [myspacetv 10675348]

Links :
Clip รายการบันทึกโลก เรื่องของ Google และแนวคิดในการทำธุรกิจของ Google ช่วงที่ 3
Clip รายการบันทึกโลก เรื่องของ Google และแนวคิดในการทำธุรกิจของ Google ช่วงที่ 4

Tags: , , , ,

ภาระกิจสำคัญของปี 08 ของผมก็การนำพาบริษัทที่ทำอยู่เข้าสู่ Digital World และนำเครื่องมือ Digital Marketing ไม่ว่าจะเป็น Internet Marketing หรือ Mobile Marketing หรือทำให้สิ่งที่ต้องการสื่อออกไปแปรสภาพไปเป็นดิจิตอลและนำสิ่งที่แปรสภาพนั้นออกสู่กลุ่มเป้าหมายเพื่อก่อให้เกิด Brand Recognition และ Brand Awareness บนโลกดิจิตอล

งานแรกที่กำลังเริ่มคือการปรับปรุงเว็บไซต์ปัจจุบันที่แสนจะใช้ยาก ให้ง่ายขึ้น ใกล้ชิดกลุ่มเป้าหมายทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น เพราะช่วงที่ผ่านมาได้รับคำติจากคนในและลูกค้าเรื่องความยากของการใช้งาน การเข้าถึงเนื้อหา ซึ่งเว็บไซต์ปัจจุบันนั้นทำมาได้2-3 ปี ซึ่งโจทย์ในขณะนั้นคือผู้สร้างต้องการสร้างเว็บให้ตอบโจทย์ของ Brand ที่สะท้อนถึงความทันสมัย นวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ ทำให้เว็บไซต์ดูสวยงาม เป็นลักษณะของ Flash Site + Web Application จนได้รางวัลถึงเมืองนอกเมืองนา แต่กลับไม่ตอบโจทย์การใช้งาน ซึ่งเว็บที่มีอยู่ปัจจุบันนี้ สร้างตอนผมยังไม่เป็นส่วนหนึ่งของบริษัท ในขณะนั้น ผมยังทำงานFreelance เป็น Internet Marketing and CRM Consultant อยู่ แต่ก็เข้าใจว่าคนที่ทำว่าครั้งนั้นยังไม่มีเครื่องมือที่ให้เลือกใช้เพื่อทำ Internet Marketing ได้มากมายเท่าปัจจุบัน รวมทั้งโจทย์ก็ไม่เหมือนกันด้วย

มาครั้งนี้ โจทย์ใหม่จึงไม่ใช่แค่ตอบโจทย์เรื่อง Brand Image/Personality ของสินค้าและบริษัท แต่ยังรวมถึงความง่ายในการใช้งาน การทำให้กลุ่มเป้าหมายใกล้ชิดมากขึ้น

blog-marketing_idea.jpgBlog จึงถูกเลือกมาประกอบเป็นหนึ่งในโครงสร้างของเว็บไซต์ที่กำลังเตรียมการกันอยู่ นอกเหนือไปจากการนำเสนอ Profile ของบริษัท หรือ Product ของบริษัท

สาเหตุที่เลือก Blog มาเป็นตัวขับเคลื่อนอันหนึ่งคือเรื่องของการสร้าง Community แบบไม่สะเปะสปะ ไม่หว่านแต่ให้ตรงกลุ่ม แน่นอนกระบวนการในการมีส่วนร่วมของผู้เข้าชมอาจจะซับซ้อนขึ้นอีกนิดแต่ไม่ยากที่จะมีส่วนร่วม นอกเหนือจากเหตุผลนี้แล้วยังมีอีกเหตุผลมากมายที่ไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะเป็นความลับของบริษัท

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยังอยู๋ในขั้นร่าง Sitemap/Specification/Technical Requirement และคนในทีมก็เห็นด้วยกับการนำ Blog มาใช้แทนการสร้าง Community แบบเก่าที่ให้สมัครสมาชิกเข้ามาแล้วสมาชิกไม่ค่อยได้อะไรกับไป ขั้นต่อมาคือการนำเสนอผู้บริหารระดับสูง และขายไอเดียนี้ให้กับ Product Manager ในบริษัทฯ ซึงหากการนำ Blog มาใช้ผ่านและไซต์ใหม่ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง เราก็จะได้เห็นการทำ Blog Marketing แบบนำไปเป็น Case Studies หนึ่งของไทยได้ทีเดียว แต่อย่างที่บอกด่านที่ต้องผ่านให้ได้คือ ผู้บริหารระดับสูง ซึ่งไม่คุ้นเคยกับ Web 2.0 หรือ การสร้าง Use-Generated Content ซึ่งอาจจะต้องอธิบายกันยาวหน่อย

งานสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ การทำ E-Marketing Training ให้กับ กลุ่มผู้บริหารที่ทำการตลาดสินค้าและหน่วยงานขายในบริษัทเพื่อให้เข้าใจเรื่องของ E-maketing หรือ Digital Marketing มากขึ้น

(หมายเหตุ: ที่แรกจะไม่เขียนอยู่แล้วอย่างที่บอกไว้ในเรื่อง ” ขี้เกียจเขียนบล็อก ” แต่อดไม่ได้ …เฮ้อ…)

Tags: , , , , , , , ,

eDMใน ข้อเสนอ(Offer)ที่ยากปฏิเสธ 2 ผมเล่าถึงหลัก 3 ถูกในการส่ง Direct Mail (DM) หรือ e-DM (E- Direct mail หรือ email marketing)ได้แก่ ถูกกลุ่ม ถูกใจ ถูกกาล โดยหยิบข้อแรกที่พูดถึงการส่งถูกกลุ่ม คือการเลือกกลุ่มที่จะส่งให้ถูกต้อง

2.ถูกใจ คำก็บอกอยู่แล้วว่า ถูกใจ หรือที่ภาษาอังกฤษเข้าเรียก satisfied หากคุณต้องการให้ผู้รับตอบกลับแต่สิ่งที่คุณเสนอกลับเป็นสิงที่เขาไม่ต้องการก็เสียเวลาและเงินตราโดยเปล่าประโยชน์ เหมือนกับเวลาคุณกำลังจีบหญิงหรือหนุ่มก็ไม่ว่า เวลาไปออกเดททานอาหารเย็น เขาหรือเธอรักสุขภาพชอบทานน้ำผลไม้ แต่คุณดันสั่งไวน์เสียนี่ เขาหรือเธอก็คงคิดว่าตานี่หรือยัยนี้ขี้เมาเปล่านะ

3.ถูกกาล คุณเคยอยากได้ในสิ่งบางสิ่งที่คุณไม่มีปัญญาที่จะหามาหรือต้องรอกว่าจะได้สิ่งนั้นมา แล้วเมือเวลาผ่านไปความต้องการก็ลดลงเรื่อยๆ จนไม่รู้สึกอยากในที่สุดมั้นครับ ตรงนี่ผมขอโยนคำถามง่ายๆว่า “คุณจะรอให้เขาหมดความอยากไปหรือไม่ ? ”

นั่นแหละครับคือหลัก 3 ถูกที่ผมใช้

ผมขอเล่าประสบการณ์ที่เพิ่งผ่านไม่นานนี้เองครับ โดยนำหลัก 3 หลักนี้มาใช้ เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้บริษัทที่ผมทำงานอยู่ได้ไปออกงาน Event ซึ่งเป็นงานที่กลุ่มคนรักการตกแต่งบ้าน สถาปนิก วิศวกร เจ้าของโครงการบ้าน คอนโด หรือผู้อยู่ในอุตสาหกรรมก่อสร้างจะไปชมงานเพื่อหา Idea ในรังสรรค์บ้าน ตึก หรือโครงการของตนเอง รวมทั้งหาคู่ค้าหรือ Supplier ที่เหมาะสม บริษัทที่ผมทำอยู่ออก Event ทุกปีครับ แต่ปัญหาที่เกิดคือ หลังจากจบงาน แม้เราได้ Database กลุ่มลูกค้าเป้าหมายจากการเข้าลงทะเบียนชมBooth แต่ไม่ได้การทำกิจกรรมกับกลุ่มเป้าหมายอย่างเนื่อง ทำให้ฐานข้อมูลที่ได้มากลายเป็นขยะข้อมูล

มาในปีนี้ เป้าหมายหนึ่งของการเก็บฐานข้อมูลผู้เข้าชม booth คือการสร้างฐานข้อมูลกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย แยกกลุ่มเป้าหมายออกเป็นกลุ่มหลัก(เราเรียกกลุ่มนี้ว่า มืออาชีพ)และกลุ่มรอง ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มก็ยังมีการแยกย่อยออกมาเองเพื่อที่ในการทำ CRM และเพื่อให้ได้ Lead ที่ชัดเจน แต่ผมคงไม่ขอพูดว่ากลุ่มย่อยมีอะไรบ้าง จากนั้นเริ่มทำแคมเปญที่ต้องผ่านสืออิเล็คทรอนิกส์(e-Marketing Campaigns)อย่างต่อเนื่อง

ในขั้นแรกที่ทำคือการเก็บฐานข้อมูล ผู้ที่เข้าชมบู๊ทของบริษัทจะต้องกรอกข้อมูลชื่อเบอร์/โทร.มือถือ/email/อาชีพ จะสังเกตุว่า ผมไม่เก็บข้อมูลที่อยู่ ทำไมน่ะหรือ ??? ก็จะได้มีลูกเล่นต่อไงล่ะครับ เดี๋ยวได้รู้กันครับว่าทำไ

Read More →

electronic direct mailอย่างที่เคยเล่าเอาเมื่อตอนที่แล้วใน ข้อเสนอ(Offer)ที่ยากปฏิเสธ 1 เป้าหมายหนึ่งในการทำDM หรือ e-DM คือการได้รับการตอบกลับจากกลุ่มเป้าหมาย แน่นอนว่าเพื่อให้ได้มาซึ่งเป้าหมายนั้น สิ่งจูงใจให้ผู้รับตอบกลับเรามา(Call-to-Action)คือ Offer หรือ ข้อเสนอ และข้อเสนอนั้นควรเป็นข้อเสนอที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกยากที่จะปฏิเสธ

หลักที่ใช้ในการเลือก Offer ที่ผมมักใช้อยู่เสมอ คือหลัก 3 ถูก ได้แก่ ถูกกลุ่ม ถูกใจ ถูกกาล

1. ถูกกลุ่ม ในการทำแคมเปญสำหรับ Direct Mail(DM) หรือ electronic Direct mail(e-DM หรือ email marketing ที่พวกชอบ SPAM ชอบทำกันนัก) นั้น หากเราส่งจดหมายออกไปโดยไม่เลือกกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน เรามีจำนวนฐานข้อมูลมากแค่ไหนก็ส่งไปให้หมด โดยหวังว่ายิ่งส่งมาก โอกาสที่จะมีคนตอบกลับเราก็จะมากตามไปด้วย แต่มันไม่ใช่เช่นนั้นเสมอไป

สมมติว่า เราทำโรงเรียนสอนคอมพิวเตอร์ประเภทเว็บโปรแกรมมิ่ง เราต้องการเพิ่มยอดผู้เรียนในวิชา “Advanced PHP Programming” ให้ได้ 10 % เรามีฐานข้อมูล 10,000 ชื่อที่มีทั้งโปรแกรมเมอร์ประเภทต่างๆและที่ไม่ใช่โปรแกรมเมอร์ และเราก็ส่งไปคอร์สวิชานี้พร้อมข้อเสนอลดพิเศษ 50% แต่มีผู้ตอบรับกลับ(Response)มายังไม่ถึง 50 คนหรือ 0.5 %(Response Rate) แม้ว่าตัว Offer คือส่วนลดจะน่าสนใจแต่การตอบรับดูจะไม่ค่อยน่าพอใจเท่าไหร่ ถ้าเราส่ง email ในเชิงต้นทุนแล้วยังไม่ค่อยสูงเท่าใด แต่ที่เสี่ยงหน่อยคือภาพลักษณ์ของคุณในสายตาผู้รับอาจจะไม่ค่อยดีนัก ยิ่งถ้าส่งด้วยไปรษณีย์ธรรมดาแล้วต้นทุนต่อหัวคงจะสูงจนน่าตกใจ

แต่ถ้าหากปรับวิธีการส่งใหม่โดยทำการ Segment หรือแบ่งกลุ่มเป้าหมายให้ช้ดเจน เช่น เป็นโปรแกรมเมอร์หรือไปเป็น ถ้าเป็นแบ่งย่อยเป็นโปรแกรมเมอร์ประเภทไหน แบบ Visual Basic แบบ php เบื้องต้น หรือแบบศึกษามาบ้างแล้ว ฯลฯ ก็จะทำให้ จดหมายที่จะส่งออกไปตรงกลุ่มมากขึ้น สมมติถ้าเราแบ่งแยกว่าส่งไปยังกลุ่ม PHP Programmer ที่เขียนโปรแกรมมาบ้างแล้ว 1 – 3 ปีต้องการหาความรู้เพิ่มเติม ซึงภายหลังพบว่ามีอยู๋ในDatabase list ประมาณ 2000 คน ฉะนั้น Response Rate ก็จะอยู่ที่ 25 % ของจำนวน mail ที่ส่งออกไป(50*100/2000) ซึ่งถือได้ว่ามีประสิทธิภาพมากกว่า ยิ่งถ้าส่งไปรษณีย์ปกติก็ลดต้นทุนไปได้เยอะ แถมส่งได้ถูกกลุ่มอีกด้วยครับ

ครั้งหน้าเราจะมาต่อกันให้จบเลย กับสองข้อที่เหลือ พร้อม Case Studies ที่มาจากประสบการณ์จริงครับ

[tags]Direct Mail,DM,e-DM,Electronic Direct Mail,response,response rate,email marketing,segmentation[tags]