email_marketing_thai_book.gifวันว่างผมมักใช้เวลาอยู่ในร้านหนังสือ เพื่อหาหนังสือใหม่ๆ น่าสนใจมาอ่านประดับความรู้อันน้อยนิดของผม แล้ววันนี้ก็ได้มาอีกเล่ม หลังจากเปิดพลิกไปมาครู่หนึ่งก็ตัดสินใจซื้อซะเลย หนังสือที่ว่าคือ หนังสือ E-mail Marketing : การตลาดด้วยอีเมล์ “ ของสำนักพิมพ์ IM Books เขียนโดย กันต์ฐศิษฎ์ เลิศไพรงาม

เป็นหนังสือที่น่าสนใจดีทีเดียว และน่าจะเป็นเล่มแรกที่เป็นเรื่องของการทำการตลาดด้วย email ล้วนๆ หากใครที่คุ้นเคยกับการทำ Direct Mail หรือ  Database Marketing มาก่อนจะเข้าใจได้ไม่ยาก เพราะ Email Marketing คือการทำ Direct Mail แต่เปลี่ยนจากการส่งไปรษณีย์ปกติมาเป็น email ส่วนวิธีการ ขั้นตอนไม่ต่างกันนัก ไม่ว่าจะเป็นการทำ Database Segmentation หรือ คำนวณ RFM Value Analysis (Recency,Frequency และ Monetary) เพื่อส่งให้ถูกกลุ่มลูกค้าต่างๆกันได้ถูกกลุ่ม แต่สิ่งที่ทำให้ email ต่างจาก direct mail คือความประหยัด วัดผลเป็นตัวเลขได้ดีกว่า เมื่อส่ง EMail ไปแล้วรู้ได้ว่าผู้อ่านเปิดไม่หรือไม่จาก Tracking Script ใน email ขณะที่ ไปรษณีย์ปกติจะวัดผลยากกว่า ลองมาดูว่าภายในบรรจุอะไรไว้บ้างกัน

สารบัญ :

บทที่ 1 พลังอำนาจของอีเมล์
บทที่ 2 แนวความคิดของการตลาดด้วยอีเมล์
บทที่ 3 การวางแผนแคมเปญการตลาดด้วยอีเมล์
บทที่ 4 การใช้อีเมล์หาลูกค้าใหม่
บทที่ 5 การใช้อีเมล์รักษาลูกค้า
บทที่ 6 การสร้างสรรค์อีเมล์โฆษณา
บทที่ 7 การบริหารการตลาดด้วยอีเมล์
บทที่ 8 ความท้าทายและนวัตกรรมของการตลาดด้วยอีเมล์

หนังสือเล่มนี้เป็นปกแข็ง ราคา 799 บาท ซึ่งค่อนข้างสูงแต่ด้วยความหนา 400 กว่าหน้าและเนื้อหาอัดแน่น ก็เป็นเล่มที่น่าสนใจทีเดียว เพราะหนังสือประเภทนี้ไม่ค่อยมีคนไทยเขียน ใครมีทุนรอน และสนใจก็ลองหามาอ่านและทำตามดูครับ

Tags: , , ,

ระดับเนื้อหา : Beginner (ระดับต้น) & Intermediate (ระดับกลาง)

CSS In 10 Minutesการใช้ CSS ในการกำหนด layout และตกแต่งเว็บไซต์แบบ Tableless ในบ้านเราถือว่ายังไม่แพร่หลายมากนัก ส่วนใหญ่ยังคงใช้คำสั่ง Table ในการกำหนด Layout ของเว็บ ถึงแม้จะนำ CSS มาใช้บ้างแต่ก็เป็นการผสมผสานกับการใช้ Table แต่ปัญหาที่ผมมาเมื่อครั้งยังใช้ table เป็นหลัก คือหากผมต้่องการปรับเปลี่ยน Layout หรือ หน้าตาเว็บโดยยังคงเนื้อหาเดิมไว้ ผมกลับต้องรื้อ layout ทั้งหมด และเมื่อเห็นหลายๆ เว็บของต่างประเทศที่นำ CSS มาใช้ในการทำเว็บและลองทำดูปัญหาที่เคยเจอก็หมดไป นอกจากข้อดีที่ว่าแล้ว CSS ยังมีข้อดีข้อเด่นอะไรอีกบ้าง เรามาลองดูกันครับ

จุดเ่่ด่น 5 ประการของ CSS ที่ Russ Weakley ผู้เขียนหนังสือ CSS in 10 Minute ซึ่งเป็นหนังสือเล่มแรกๆที่ผมซื้อมาเพื่อศึกษาการใช้ CSS ครับ

  • สามารถควบคุม Typography ได้ดีกว่า นั่นก็หมายความว่า การใช้ CSS ทำให้คุณกำหนดรูปแบบการแสดงผลของ Font จากไฟล์ CSS ได้ดีขึ้นเพราะหากเว็บของคุณมีรูปแบบของ fontที่เหมือนกันในทุกเว็บเพจ คุณก็กำหนดรูปแบบการแสดงผลของ Font ทั้งหมดไว้ในไฟล์ CSS และเรียกใช้มันแทนการเขียน Tag ในแต่ละเว็บเพจ
  • ขนาดของไฟล์เล็กลง เพราะเมื่อคุณใช้ CSS ในการกำหนดรูปแบบหน้าตาของเว็บ จากเดิมที่ใส่ tags อย่าง <font size=”+2″ , style=….color…> ,หรือ <table align=”center” bgcolor=”…”……. > ,ฯลฯ เต็มไปหมดในเอกสาร HTML คุณก็สามารถกำหนดรูปแบบการแสดงผลไว้ไฟล์ CSS ต่างหาก ซึ่งก็จะทำให้ ขนาดไฟล์ HTML เล็กลง
  • ปรับเปลี่ยนง่าย เมื่อคุณกำหนดรูปแบบการแสดงผลของเว็บเพจ ไว้ในไฟล์ CSS คุณก็สามารถแก้ไขรูปแบบการแสดงผลได้จาก ไฟล์ CSS แทนที่จะแก้ไขในเอกสาร HTML หลายๆหน้าเหมือนการใช้ Table
  • กำหนดรูปแบบการแสดงผลของสื่อหลากชนิด ด้วยการใช้ CSS คุณสามารถกำหนดให้การแสดงผลของเว็บแสดงออกมาในรูปแบบที่เหมาะกับสื่อชนิดต่างๆไม่ว่าจะเป็น ให้เว็บเพจหนึ่งหน้าแสดงผลที่ Browserในรูปแบบเว็บเพจบนหน้าจอแต่แสดงผลใน Mobile Device อีกแบบหนึ่งเพืื่อให้เหมาะสมหน้าจอบน PDA ที่เล็กกว่าได้ ฯลฯ โดยที่ยังคงเนื้อหาเช่นเดิม
  • เพิ่ม Accessibility ให้เว็บ Accessibility หรือการเข้าถึงข้อมูลเว็บนั้นเรามักจะนึกถึงการเข้าถึงข้อมูลเว็บของผู้มีปัญหาทางผิดปกติทางร่างกายเช่น คนตาบอด ผู้พิการอื่นๆ ฯลฯ ซึ่งคนเหล่านี้จะใช้ Software ช่วยเหลือเช่น Screen Readers(สามารถดาวน์โหลด trial screen readers software ได้ที่ http://www.freedomscientific.com/fs_downloads/jaws.asp เมื่อinstall แล้ว ให้ลองหลับตาหรือปิดมอนิเตอร์ เพื่อให้ Software อ่านให้เว็บให้เราฟัง) หลายจุดในเว็บเพจที่มีการใช้ Table ซ้อน Table อาจจะทำให้ Screen Readers อ่านข้อความผิดพลาดได้ แต่หากใช้ CSS เป็นตัวกำหนดรูปแบบ และ กำหนดเนื้อหาตัวหนังสือใน HTML เมื่อถอดตัว CSS ออกจาก HTML เอกสารก็จะแสดงผลไม่ต่างกับ Microsoft Word ที่อ่านง่ายขึ้น ทำให้การอ่านผลของ Screen Readers อ่านตัวหนังสือได้ถูกต้องยิ่งขึ้นหากคุณอยากรู้ว่าเมื่อถอด CSS ออกแล้วเป็นอย่างไร ทำได้โดยหากคุณใช้ Firefox(download) ไปที่ Toolbar เลือก View > Page Style >No Style สำหรับ IE 7 ทำได้เพียง Ignore Font size ,color และ font style เท่านั้น จึงขอแนะนำให้ใช้ Firefox ดีกว่าสำหรับเว็บที่ใช้ Table ให้เข้าไปที่เว็บไซต์ที่ผมเคยทำไว้่คือ www.thinkandclick.com/old_index.html ครับ

นอกเหนือไปจาก ข้อดีของ CSS ที่กล่าวมาแล้วการนำ CSS ยังมีผลต่อการทำ Search Engine Optimazation ในเว็บไซต์ของคุณอีกด้วย ซึ่งคุณหาอ่านได้จากเรื่อง Cascading Style Sheets และ SEO ตอนที่ 1 และ ตอนที่ 2 จาก emarketeer.in.th

Tags: , , , , , , ,

email-spam.jpgปัญหาทุกวันนี้ของนักกา่รตลาดที่ใช้ email ในการทำ e-marketing campaigns ก็คือ ทำอย่างไรถึงจะทำให้ email ที่เราส่งไปนั้นไม่ตกอยู่ในถัง spam หรือโดนลบไปจาก Inbox ก่อนที่ผู้รับจะเปิดอ่าน

จากการศึกษาของ Returnpath ผู้ให้บริการคำปรึกษาและวิจัยเรื่อง email marketing ได้ทำการสำรวจเรื่องของ email Spam พบว่ากว่า 44 % ของผู้รับจะไ้ด้รับ Junk email จากผู้ส่งที่ตนเองรู้จัก และยังสำรวจพบอีกว่า่ 55% ของผู้รับจะลบ email ที่ไม่ต้องการทิ้ง อีก 27 % จะืทำการกำหนดให้email ที่ไม่ต้องการนั้นเป็น Spam (mark or Report as spam) จากสถิติดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าแม้ผู้รับจะยินดีที่จะรับ email จากเราแต่ก็ไม่ได้หมายความว่า email ที่เราส่งออกไปจะไม่ตกอยู่ใน Spambox หรือโดนลบทิ้งเพราะเป็น email ที่ไม่ต้องการ

Constant Contact ผู้ให้บริการโปรแกรมส่ง email แบบ online ได้ให้ข้อแนะนำในการลดปัญหาการตกถัง Spam ของ email ได้อย่างน่าสนใจดังนี้

  1. ใช้ชื่อที่มักจะรู้จักกันดีทั่วไปในการส่ง email ในช่อง from (from name)เช่น ชื่อของบริษัทคุณเอง ซึ่งแน่ล่ะ domain name หลัง @ ก็ควรจะเป็นdomain name ของบริษัท ฯลฯ เพราะ บริการ email ส่วนใหญ่เช่น yahoo, hotmail หรือผู้ให้บริการ email ที่มีชื่อเสียง จะใช้ความมีชื่อเสียงของบริษัทเป็นตัวแปรในการตัดสินว่า email นั้นเป็น Spam หรือไม่
  2. ใช้ Subject หรือชื่อเรื่องที่ชัดเจน บอกได้ทันทีว่า email ของท่านมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร เช่น ” How to guide for decorating your house “, “เที่ยวเหนือในราคา…. บาทผ่านบัตรเครดิต…ยี่ห้อ…” จะเห็นว่า หัวเรื่องแต่ละอันที่ยกมานั้นบอกชัดว่าเราจะได้อ่านเรื่องอะไรเมื่อเปิด email
  3. เสนอเนื้อหาเกี่ยวข้อง แน่ล่ะถ้าคุณส่ง email ที่มีเนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับหัวเรื่อง โอกาสที่ผู้รับลบ emailของคุณในครั้งหน้่าย่อมมีสูงแน่นอน แถมยังเสียภาพพจน์อีกด้วยในสายตาผู้รับ
  4. ใช้ฐานข้อมูล Email ที่ทันสมัย หากคุณส่ง email ไปยังผู้รับที่ไม่มีตัวตนบ่อยครั้ง email ของคุณในครั้งหน้าก็มีโอกาสตกไปอยู่ในถัง Spam ได้เพราะ ISP หรือ ผู้ให้บริการ email จะมองว่ากำลังส่ง email ที่ผิดปกติออกไป ฉะนั้น หากคุณส่ง email ออกไปแต่ละครั้งแล้วมีผู้รับที่ไม่มีตัวตนหรือส่งแล้วเกิด Rejected Email ก็ควรลบ email นั้นออกจากระบบจะดีกว
  5. ยืนยัน email ระบบการยืนยัน email เป็นเหมือนหลักประกันว่าผู้รับต้องการรับ email จากเราแน่ ๆ เพราะเมื่อผู้รับสมัครรับ email จากเรา สิ่งที่เขาต้องทำต่อไปคือการยืนยันการเป็นสมาชิก เพราะหากผู้รัีบไม่ได้ทำการยืนยันก็หมายความว่าผู้รับอาจจะไม่ต้องการรับ email จากเราจริงๆก็ได้

ทั้งหมดคือข้อแนะนำจาก Constant Contact ครับ จริง ๆแล้วจะมี 6 ข้อแต่ผมเห็นว่าข้อแนะนำที่สามารถนำมาใช้ได้โดยไม่อิงกับระบบการส่งemail ของ Constant Contact จะมีอยู่ 5 ข้อจึงนำมาลงเพียง 5 ข้อ วิธีการทั้ง 5 นั้นผมว่าเป็นลดโอกาสของจำนวน email ที่ตกจะในถัง Spam แต่ก็ไม่รับประกันว่าทุก Email ที่ส่งออกไปจะไม่ตกลงในถัง Spam อย่างไรก็ตามครับ หากสามารถลดจำนวน emailที่มีแนวโน้มจะตกในถังสแปมก็เท่ากับเพิ่มโอกาสในการเปิด email ของเราโดยผู้รับใช่มั้ยครับ สำหรับพวกที่ส่ง email แบบผู้รับไม่ยินยอมหรือไปซื้อ email มาจากที่ ๆ เราก็ไม่รู้ว่าผูู้็ขายเอา email มาจา่กไหน ก็ไม่ต้องสงสัยเลยครับว่า email ของคุณมีโอกาสอยู่ใน Spam Box หรือโอกาสเผลอหน้าใน Inbox ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ผมกว่าเรากลับมาที่การทำ e-Marketing Marketing แบบเทพจะดีกว่าครับ ในระยะยาวคุณจะสร้างสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มเป้าหมายได้ดีกว่า

แหล่งอ้างอิง : Making it to the Inbox

Tags: , , , ,

ผมได้ยินเรื่องของ blackle.com ซึ่งเป็น Search Engine ที่อ้างว่าสามารถประหยัดพลังงานได้มากกว่า Search Engine อื่นเพราะ Blackle อ้างว่าการใช้สีดำทั้ง Background และตัว text ในไซต์ซึ่งเป็นสีที่จะทำให้คุณประหยัดพลังงานมากขึ้น

วันนี้ น้องที่ Office ส่ง email เรื่องของ blackle.com มาให้ว่าประหยัดพลังงานมาก ก็เลยลองเข้าไปดู ในหน้าแรกของ Blackle นั้นแสดงตัวเลขของการประหยัดพลังงานถึง 184,839.528 วัตต์ และเป็น Search Engine ที่ Powered by Google

blackle.com

แต่ด้วยความขี้สงสัย ก็อยากรู้นี่ว่า มันประหยัดจริงมั้ย ก็ลองค้นดูใน Google ว่า Blackle เนี่ยมันประหยัดจริงง่ะ ก็ได้คำตอบจาก techlogg.com ซึ่งได้ทดลองกับมอนิเตอร์ CRT 27 ตัว และ LCD อีก 23 ตัวได้ข้อสรุปว่า จริงๆแล้วหากใช้ Blackle.com กับมอนิเตอร์ CRT ประหยัดแน่แต่ไม่ใช่ 15 วัตต์ อย่างที่ blackle เคย Claim ไว้ และถ้าใช้กับ จอ LCD โดยเฉลี่ยแล้วก็ไม่ได้ช่วยให้ประหยัดพลังงานมากขึ้นแต่อย่างใด และแม้ว่าจะใช้ LCD ที่มีขนาดมากกว่า 24 นิ้วจะสามารถลดพลังงานได้แต่ก็ไม่ได้มากนัก

ถ้าอยากทราบรายละเอียดมากกว่านี้ก็ลองเข้าไปอ่านที่ http://techlogg.com/content/view/360/1/ ในนั้นจะมีตารางเปรียบเทียบผลการทดลองใช้ Google และ Blackle เมื่อใช้กับจอแบบต่าง ๆ ว่าประหยัดพลังงานมากแค่ไหนครับ

Tags: , , , ,

Clip รายการบันทึกโลก เรื่องของ Google และแนวคิดในการทำธุรกิจของ Google ช่วงที่ 4

MyspaceTV: [myspacetv 10678155]

Links :
Clip รายการบันทึกโลก เรื่องของ Google และแนวคิดในการทำธุรกิจของ Google ช่วงที่ 2
Clip รายการบันทึกโลก เรื่องของ Google และแนวคิดในการทำธุรกิจของ Google ช่วงที่ 3

Tags: , , , ,