นับตั้งแต่วันแรกที่ทำ http://www.thinkandclick.com/ เมื่อ 9 สิงหาคม 2548 ด้วยการประเดิม content แรกคือข่าว Google แต่งตั้ง 3 ตัวแทนขาย(Reseller) ประเทศจีนแล้ว และค่อย ๆ เพิ่มเนื้อหาเป็นบทความบ้าง เป็นข่าวที่มาจากเว็บอื่นบ้าง หาข่าวเองบ้าง ให้เพื่อนในทีมหาให้บ้าง เนื้อหาก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ในครั้งนั้นเว็บยังติด Sandbox Effect อยู่เลย สีในช่อง Pagerank (PR) บน google toolbar ยังเป็นสีขาว(pr=0/10) google index เว็บแค่ link เดียวคือหน้าแรก ส่วน msn, yahoo index linkของเว็บเพียง 4 – 5 links

แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ การที่มีคนรู้จักเรามากขึ้น เพราะการเข้าไปแนะนำ Content ใหม่ ๆเป็นประจำในเว็บบอร์ดที่เกี่ยวกับ E-Marketing โดยเฉพาะ seo.in.th และที่ทำให้จำนวนเข้าเพิ่มขึ้นอย่างทันตาเห็นคือ การที่รายการ E-Life, E-Business ของ Nation ได้แนะนำเว็บเราในช่วงท้ายรายการของ Nation ได้แนะนำเว็บเราในช่วงท้ายรายการ ทุกวันนี้ ผมไม่ค่อยได้ Update เท่าไหร่ เพราะมีงานประจำทำอยู่ และล่าสุดตัดสินใจร่วมกับคุณภาวุธ จาก tarad.com และ คุณจักรพงษ์ จาก  jakrapong.com สานต่อ marketingbyte.com ซึงคุณภาวุธเคยทำไว้ ซึ่งถือเป็นการ reopen e-marketing website ที่ร้างลาการ update เช่นกัน Read More →

ได้รับ Forwarded email จากเด็กๆในออฟฟิศ อ่านเล้วให้รู้สึกทุก ๆ วันนี้ เราทำ คิด อะไร ๆ แบบเดิมอยู่หรือปล่าว ถ้ายังคิด ทำ แบบที่เป็นมา ลองอ่านเรื่องนี้ดูครับ สะกิดใจดี

—————————————————————————— 

เคยได้ยินชื่อ ดร.วรภัทร ภู่เจริญ ไหมครับ??
เขาเคยเป็นวิศวกรขององค์การอวกาศนาซา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเกือบ 20 ปีก่อน
เคยได้รับรางวัลงานวิจัยที่ดีที่สุดระดับโลกเกี่ยวกับเครื่องยนต์ไอพ่น ตัดสินใจกลับเมืองไทยเพราะ

  1. อยากดูแลพ่อแม่
  2. ไม่อยากเป็นพลเมืองชั้นสองในบ้านพักคนชรา
  3. อยากเที่ยว และ
  4. ชอบกินอาหารอร่อย

เคยเป็นอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนจะออกมาตั้งบริษัทที่ปรึกษาของตัวเอง
ผมประทับใจบทสัมภาษณ์ของ ดร.วรภัทรใน “เสาร์สวัสดี” ของ “กรุงเทพธุรกิจ ” เมื่อประมาณ 1-2 เดือนก่อนมาก

คนอะไรก็ไม่รู้ ชีวิตมันส์เป็นบ้า ความคิดก็กวนเหลือหลาย ตอนที่เขาเป็นอาจารย์ วิธีการสอนหนังสือของเขาแปลกกว่าคนอื่น

“ผมออกนอกกรอบตลอดเวลา” เขาบอก

เขาเคยพาเด็กวิศวะไปที่ริมสระว่ายน้ำ เรียนไปและดูนิสิตสาว ๆ ว่ายน้ำไปด้วย คาดว่าคงไปเรียนเรื่อง “คลื่น”
ระหว่างท่าฟรีสไตล์ กับท่าผีเสื้อ คลื่นที่เกิดขึ้นของท่าไหนถี่กว่ากัน ระหว่างชุดทูพีซกับวันพีซ แรงเสียดทานกับน้ำ ชุดไหนมากกว่ากัน

แนวการศึกษาน่าจะออกไปทำนองนี้ แต่ที่ชอบที่สุดคือตอนที่เขาออกข้อสอบ ข้อสอบของเขาสั้นและกระชับมาก

“จงออกข้อสอบเอง พร้อมเฉลย” โหย…เด็กวิดวะอึ้งกันทั้งห้อง คำตอบส่วนใหญ่เป็นการตั้งโจทย์แบบง่ายๆ เช่น ปั้นจั่นมีกี่ชนิด

ผลปรากฎว่า ได้ศูนย์กันทั้งห้อง เพราะเป็นคำตอบที่ไม่ได้แสดงความคิดที่ลึกซึ้งสมกับที่เรียนมาทั้งเทอม

เหตุผลที่ ดร.วรภัทรออกข้อสอบด้วยการให้นิสิตออกข้อสอบเองเป็นเหตุผลที่ตรงกับใจผมมาก

“ชีวิตคนเราจะรอให้อาจารย์ตั้งโจทย์อย่างเดียวไม่ได้ ต้องหาโจทย์มาเอง คิดแล้วทำ ถ้าผิดแล้วอาจารย์จะปรับให้”

เขามองว่าเด็กรุ่นใหม่ติดนิสัยเด็กกวดวิชา รอคนคาบทุกอย่างมาป้อนให้ไม่รู้จักคิดเอง

“ถ้ารอและตั้งรับ คุณก็เป็นพวกอีแร้ง แต่พวกคุณแย่กว่าเพราะเป็นแค่ลูกอีแร้ง คือ รออาหารที่คนอื่นป้อนให้”

โหย…เจ็บ ผมเชื่อมานานแล้วว่าชีวิตของคนเราเป็นข้อสอบอัตนัยที่ต้องตั้งโจทย์เองและตอบเอง
ไม่ใช่ข้อสอบปรนัยที่มีคนตั้งโจทย์ และมีคำตอบเป็นทางเลือก ก-ข-ค-ง ถ้าใครที่คุ้นกับ “ชีวิตปรนัย” ที่มีคนตั้งโจทย์ให้และเสนอทางเลือก
1-2-3-4 คนคนนั้นชีวิตจะไม่ก้าวหน้า เพราะต้องพึ่งพาคนอื่นตลอดเวลาติดกับ “กรอบ”ที่คนอื่นสร้างให้
ไม่เหมือนกับคนที่รู้จักคิดและตั้งคำถามเอง

เรื่องการตั้งคำถามกับชีวิตเป็นเรื่องสำคัญมาก อย่าลืมว่าเพราะมี “คำถาม” จึงมี “คำตอบ”
เมื่อมี “คำตอบ” เราจึงเลือกเดิน พูดถึงเรื่องการตั้งคำถามผมนึกถึง”โสเครติส” เขาเป็นนักปรัชญาเอกของโลก
ที่สอนลูกศิษย์ด้วยการสนทนา ตั้งคำถามให้ลูกศิษย์ตอบ สร้างองค์ความรู้จาก “คำถาม”
กลยุทธ์ของ “โสเครติส” ในการสอนคือไม่ให้ความเห็นใดๆ แก่นักเรียน และทำลายความมั่นใจของ นักเรียนที่เชื่อว่าตนเองรู้

“โสเครติส” เชื่อว่าเมื่อเด็กตระหนักใน “ความไม่รู้” ของตนเองเขาจะเริ่มต้นแสวงหา “ความรู้ ”
แต่ถ้าเด็กยังเชื่อมั่นว่าตนเองมี “ความรู้” เขาก็จะไม่แสวงหา “ความรู้ “

การตั้งคำถามของโสเครติสจึงมีเป้าหมายโจมตีและทำลายความเชื่อมั่นในภูมิความรู้ของนักเรียน
เป็นกลยุทธ์เท “น้ำ” ให้หมดจากแก้ว เมื่อแก้วไม่มีน้ำแล้ว จึงเริ่มให้เขาเท “น้ำ” ใหม่ใส่แก้วด้วยมือของเขาเอง
“น้ำ” ที่ลูกศิษย์แต่ละคนเทลงแก้วด้วยมือตัวเองมาจาก “คำตอบ”ที่เขาค้นคิดขึ้นมาเอง
“คำตอบ” จาก “คำถาม” ของ “โสเครติส”
“โสเครติส” นิยามศัพท์คำว่า “คนฉลาด” และ “คนโง่” ได้อย่างน่าสนใจ

“คนฉลาด” ในมุมมองของ “โสเครติส” นั้นไม่ใช่คนที่รู้ทุกเรื่อง
แต่ “คนฉลาด” คือคนที่รู้ว่าตัวเองไม่รู้
ส่วน “คนโง่” นั้น คือคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้ แต่ทำตัวราวกับเป็นผู้รู้

 

Tags: ,,,,

ในเมื่อฟรีทีวีก็ดูไม่ได้ ข่าว CNN,BBC ใน UBC ก็โดนระงับ Internet เลยเป็นช่องทางในการหาข่าวสารเรื่องการ  ของผมไปโดยปริยาย คุ้ยๆค้น ทั้ง manager.co.th , komchadleuk.net , และสำนักข่าวออนไลน์ทั้งหลาย ก็พบว่ามันช้ามากก็คงเป็นเพราะสาเหตุเดียวกับผมแน่ๆ ผลจากการคนรุมเข้าเว็บข่าวก็เป็นอันว่ามีบางเว็บล่มเป็นช่วง ๆ และบังเอิญมาเจอ Blog อันนึง ชื่อ revolution.blogrevo.com ซึ่งเป็นของ keng.com ซึ่งติดตามเรื่องการกระชั้นชิดมากเหตุผลที่ มี Blog แบบนี้ได้รวดเร็วก็เพราะ การติดตั้ง blog ที่แสนง่ายได้นั่นเองครับ นี่แหละครับ Blog Power

ในที่สุด บทสรุปของรัฐบาลรักษาการปัจจุบันคือการถูกปฏิวัติ โดยการนำของ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน เป็นวันที่จารึกในประวัติศาสตร์การเมืองไทยอีกครั้งหนึ่ง

ด้วยเวลาอันน้อยนิดที่ใช้เวลาเขียนในแต่ละอาทิตย์ เช็คดูจำนวนคนอ่าน คนเข้าบล็อก maximumboy แล้ว ละเหี่ยใจ Comment ซักนิดก็ไม่มี ก็เข้าใจครับว่า ต้อง Update บ่อย ๆ และทำการโปรโมทเว็บหรือ SEO ก็ได้ แต่ทำไงได้ครับ ในเมื่อผันตัวมาทำงานประจำ ตอนนี้มีงานเสริมด้านการเขียนหนังสือ ซึ่งก็เร่งปั่นด้วยเวลาอันน้อยนิดเพราะ 200 หน้าภายใน 1 เดือน แต่ก็อยากทำ อย่างน้อยทำแล้วได้ตังค์ คนอ่านได้ความรู้ ยิ่งได้ความรู้มากก็ชื่นใจ แต่ทำแล้วไม่ค่อยมีคนอ่าน แถมยังไม่ได้ตังค์อีก ฟังดูแล้วงกไปหน่อยแต่คุ้มกว่าได้ทั้งรับ(เงิน) และให้(ความรู้)

Post นี้สงสัยจะเป็น Post สุดท้ายแล้วมั๊ง มุ่งงานหาเงิน อยากทำการกุศล เราก็ไปทำอย่างอื่นดีกว่า :sad: