ประเภทของ Blog

บล็อกที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ใช่มีเพียงแค่บล็อกที่เป็นตัวหนังสือและรูปภาพเท่านั้น หรือ มีแค่ออนไลน์ไดอารี่ เราแบ่งบล็อกออกได้ 4 ลักษณะดังต่อไปนี้ครับ

1. แบ่งตามลักษณะของมีเดียที่มีในบล็อกได้แก่

1.1. Linklog บล็อกแบบนี้น่าจะเป็นบล็อกรุ่นแรก ๆ เป็นบล็อกที่รวมลิ๊งก์ที่เจ้าของบล็อกสนใจเอาไว้ ถ้าคณยังจำผู้ให้กำเนิดคำว่า “บล็อก” ที่ชื่อ จอห์น บาจเจอร์ได้ นั่นแหล่ะครับ robotwisdom.com ของเขาคือตัวอย่างของ linklog นั่นเอง แม้ว่าจะบล็อกแบบนี้จะเป็นการรวมลิ๊งก์เท่านั้น แต่ก็ไม่เรียงเหมือนว็บไดเร็กทอรี่ เพราะเจ้าของบล็อกจะโพสต์ลิ๊งก์ของเขา 1 – 2 ลิ๊งก์ต่อโพสต์เท่านั้นครับ ใครที่อยากมีบล็อกเป็นของตนเองแต่ยังนึกไม่ออกว่าจะทำบล็อกแบบไหน linklog น่าจะเป็นการเริ่มต้นการทำบล็อกได้เป็นอย่างดี

1.2 Photoblog ชื่อก็บอกอยู่แล้วครับว่า Photo บล็อกประเภทนี้เน้นในโพสต์ภาพถ่ายที่เจ้าของบล็อกอยากนำเสนอ และมักจะไม่เน้นที่จะเขียนข้อความมากนัก บางบล็อกเรียกได้ว่าภาพโดยเจ้าของบล็อกล้วน ๆ เลยครับ

1.3. Vlog ย่อมาจาก Videoblog เป็นบล็อกที่รวมวิดีโอคลิปไว้ในบล็อก Vlog เป็นบล็อกที่เรียกได้ว่าเป็นบล็อกที่นิยมทำกันมากในอนาคต เพราะการเจริญเติบโตของไฮสปีด อินเตอร์เน็ต หรือ อินเตอร์เน็ตบอร์ดแบนด์ ที่ทำให้การถ่ายทอดเสียง ภาพเคลื่อนไหว movie clip เป็นไปได้ดีขึ้นมา ภาพและเสียงลื่นไหลกว่าเน็ตยุค dial-up modem

Vlog ถูกมาใช้ในครั้งแรกโดยนายเอเดรียน ไมลส์(Adrian Miles) ซึ่งโพสต์แรกของนายเอเดรียน คนนี้เริ่มข้นเมื่อวันที่ 27 พ.ย. ปี 2000 ใน hypertext.rmit.edu.au/vog/vog_archive/000082.html

Vlog 2.0
” Vlog โพสต์แรกของ นายเอเดรียน ไมลส์ “

สำหรับแหล่งรวม vlogger แหล่งใหญ่คือ Yahoo! Videoblogging Group ผู้ที่ริเริ่มทำ vlog community ของ Yahoo คือ นายปีเตอร์ แวน เดิร์ก (Peter Van Dijck) และ เจย์ เดดแมน(Jay Dedman) ซึ่งเริ่มขึ้นในปี 2004

Yahoo Tech
” Yahoo! Videoblogging Group ”

สิ่งแสดงถึงความอลังการของ Vlog คือการจัดการประชุมVlog ถึง 2 ครั้ง ซึ่งเรียกว่า Vloggercon ในงานนี้ถือว่าเป็นแหล่งรวม vlogger ไว้มากมาย ครั้งแรกของ Vloggercon ถูกจัดขึ้นในปี 2005 ในนิวยอร์ค ส่วนครั้งที่สองผ่านไปเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2006 ในซานฟรานซิสโกครับ

VCON 2005
” ส่วนหนึ่งจาก Vlogcon 2005 “

Tags: , , , ,

2. Blog VS Webboard

เป้าหมายที่เหมือนกันอย่างหนึ่งของบล็อกและเว็บบอร์ดคือ เป็นเวทีแสดงความคิดเห็น ในลักษณะที่เรียกว่า User Generated Content หรือ Content ที่เกิดจาก User แต่สิ่งที่ต่างกันคือ เว็บบอร์ดนั้นเปิดกว้างสำหรับทุกคน ให้เข้าไปโพสต์ข้อความ แม้ว่าบางบอร์ดจำเป็นต้องแสดงตัวโดยการสมัครสมาชิกก่อนจึงจะโพสต์ข้อความ และเพราะเว็บบอร์ดจำเป็นต้องมี modulator หรือผู้ดูแลบอร์ดให้เนื้อหาในบอร์ด หรือการโพสต์ข้อความ การแสดงความคิดเห็นเป็นไปอย่างมีคุณภาพ แต่ใช่ว่าการจัดการเว็บบอร์ดจะง่ายดายเสมอไป ยิ่งบางบอร์ดในเมืองไทย คุณอาจจะเห็นการโพสต์ข้อความที่ไม่เกี่ยวกับเป้าหมายของบอร์ด อย่างเช่น “ลดน้ำหนัก ไม่ต้องกิน ยา ”, “ทำงานบนเน็ต รวยได้ง่าย ๆ เพียง วันละ 3 ชม. ” และพวก MLMวิชามารอีกมากมาย เป็นต้น หาก modulator ละเลยก็จะทำให้บอร์ดดูน่าเบื่อ อ่านไปก็เจอแต่โฆษณาอย่างว่า มันจะดูน่าเบื่อเพียงแต่สิ่งที่จะได้รับคือ จำนวนคนในวงกว้าง
สำหรับ บล็อก นั้นต่างกัน เพราะบล็อกเกิดจากคนหนึ่งคนหรือกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งทีมีความสนใจเหมือน ๆกัน เข้ามาโพสต์หัวข้อเรื่องและคนที่จะโพสต์ได้จะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของ บล็อกเท่านั้น และในส่วนของการแสดงความคิดเห็นหรือ comment เจ้าของบล็อกก็สามารถตรวจสอบหรือไม่ก็ปิดฟังก์ชั่นแสดงความคิดได้ ทำให้เนื้อหาของบล็อกมีคุณภาพกว่า เพียงแต่จำนวนและลักษณะคนที่เข้ามาที่บล็อกอาจจะน้อยกว่าและเฉพาะเจาะจงกว่าหรือเป็น Niche มากกว่านั่นเอง

ดังนั้น การจะตอบคำถามว่าจะบล็อกหรือจะบอร์ดดี คงต้องชั่งน้ำหนักข้อดี ข้อด้อย และเป้าหมายของคุณว่าเป็นแบบใดครับ

Tags: , ,,,,,

ผมติดตามข่าวของ Nation Channel เป็นประจำ โดยเฉพาะรายการ ชีพจรโลก และผมก็ได้รู้จัก Blog ของคุณสุทธิชัยจากรายการนี้ ชื่อ blog คือ www.oknation.net/blog/black แต่ที่เราสนใจมากกว่านั้นก็คือ การขยับอีกก้าวหนึ่งของ Nation ในโลกของ New Media นั่นคือการเปิดบริการ Blog หรือ Blog Service เพื่อ “สร้างสถานที่สำหรับอิสระทางปัญญา ทุกคนมีสิทธิเขียน เผยแพร่ความคิดผ่านอินเทอร์เน็ต ช่องทางการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ” ซึ่งเป็นประโยคที่ oknation ได้เขียนไว้ใน about us

oknation blog service

ได้ลองเข้าไปใช้บริการดูแล้ว น่าสนใจดี มีส่วนที่ให้ Upload Picture Gallery, Upload Movie ให้เราได้ใช้ แต่ Template ยังน้อยไป มีแค่ 3 แบบเอง แต่ทาง webmaster ของ oknation บอกกับเราว่าจะมีเฟส 2 ซึ่งจะเพิ่ม Template ให้มากขึ้น โดยรวมแล้วค่อนข้างใช้ง่าย ถ้าเคยใช้ Blogger ของ Google บ้างก็ไม่น่าจะเข้าใจได้ยากเพราะ admin บางส่วนมี feature ที่คล้าย ๆกันอยู่ ก็ลองเข้าไปใช้บริการฟรี ๆ จากค่ายนี้ดูก็แล้วกันครับ หากยังไม่คิดจะมีชื่อ URL และ เช่า Hosting เป็นของตนเอง

Tags: , ,, ,

เพิ่งเปลี่ยน theme ใหม่ไปเมื่อวานนี้ จากเดิมที่ใช้ theme สำหรับฉลองเทศกาลคริสมาสต์และปีใหม่ กาลก็ผ่านมาเดือนกว่าแล้วนับแต่ปีใหม่ 2550 ก็สมควรจะเปลี่ยนเพื่อให้คนอ่านและคนเขียนไม่เบื่อ สำหรับ Theme ใหม่นี้มีชื่อว่า Island After Sunset โดย Cureless 

มีหลาย ๆ อย่างใน theme นี้ที่ผมอยากปรับแต่ง อย่างเช่น hover link บาง link เวลาเอาเมาส์ไปชี้ดันไม่ขึ้นรูปมือ เป็นต้น ไว้ว่าง ๆ จะเข้าไปแก้แต่โดยรวมแล้วก็ OK ตอนนี้ชอบ theme แบบ 3 คอลัมน์เพราะ ได้ตาม Usability ที่ต้องการ อีกอันหนึ่งคือตัวรูปตรง Header ว่าจะปรับเปลี่ยนเพื่อให้เข้ากับชื่อ maximumboy

อีกส่วนที่ผมชอบคือ การได้แสดง Tagline ซึ่งจริง ๆ ใส่ไว้นานแล้วแต่ไม่เคยแสดงเลย tagline ที่ว่าคือ ” Experiencing the Web marketing ” แต่ theme เก่า ๆ ก็ไม่มีแสดงไว้ เคยเขียน code เข้าไปให้มันแสดงผลแต่ดูแล้วก็ไม่เข้ากับ theme ที่ผ่านมา ซึ่งผมตั้งใจไว้ว่าจะให้บล็อกนี้ให้เป็น การบอกเล่าประสบการณ์ที่ได้ผ่านตามาในเรื่องของ การตลาดผ่านเว็บ ครั้งนี้ก็แสดง Tagline เพื่อให้ชัดไปเลยว่าเราพูดถึงอะไรบล็อก เพราะ Tagline คือ Slogan ของ Blog นั่นเอง การจะให้จดจำ Brand ได้ Slogan ของสินค้านั้นก็มีส่วนช่วยจดจำ Brand นอกจากนี้ Slogan ที่ดีบ่งบอกอะไรเราบ้าง

  • ลักษณะหรือบุคลิกของสินค้านั้น ๆ เช่น NOKIA ” connecting people ” บอกเราว่า NOKIA เครื่องสื่อสารที่เชื่อมต่อถึงกันแลกัน, NIKE ” Just do it” คนที่ใส่ Nike จะไม่รีรอแต่ ทำทันที ครับ
  • สร้างความแตกต่างให้กับตัวสินค้า แสดงให้เห็นว่า สินค้าเราแตกต่างจากคู่แข่งอย่างไร เช่น Flexyboard “เนื้อเหนียว ตอกง่าย ไม่แตกร้าว ” Flexyboard นี่เป็นวัสดุก่อสร้างทดแทนไม้ ซึ่งใช้ในการทำฝา หรือเพดาน เขาเทียบสินค้าของเขากับพวกยิปซั่ม ซึ่งเวลาตอกจะแตกง่ายกว่า เป็นต้น
  • อื่น เช่น ทำให้ลูกค้ารู้สึกดีกับตัวสินค้า , เป็นประโยคที่ง่ายต่อการจดจำ เป็นต้น

แล้ว Tagline ของนักเขียนบล็อกที่เข้ามาอ่าน Tagline ของคุณเป็นอย่างไร

Tags: , ,, ,

จริงๆ แล้วตั้งใจจะให้ blog นี้ว่าเรื่องการตลาด แต่อดเขียนเรื่องนี้ไม่ได้จริง เมื่อได้อ่านแล้วขอให้ช่วยกันประณามคนนี้และ

ได้อ่านข่าวเรื่องที่นายกคนก่อนได้ให้สัมภาษณ์ใน TIME ซึ่ง manager.co.th ได้นำมาลงมีความตอนหนึ่งว่า

ไทม์ - คุณอ้างว่าคุณและพรรคไทยรักไทย ของคุณได้รับความนิยมอย่างสูง แต่ก็ยังไม่ค่อยมีเสียงต่อต้านรัฐประหารจากสาธารณชนเท่าไหร่
      
ทักษิณ - มันก็เหมือนกับการทำรัฐประหารในอดีตของไทยที่ผ่านมา 17 ครั้งนั่นแหละ อันดับแรก ประชาชนจะตื่นตกใจก่อน จากนั้นพวกเขาก็เริ่มส่งเสียงแสดงความวิตกกังวล และจากนั้น พวกเขาก็เริ่มยอมรับมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่ได้รับการรับรองจากองค์พระมหากษัตริย์ไทย พวกเขาอยู่ในกรอบระเบียบมากๆ พวกเขาเชื่อฟัง แต่พวกเขาก็จะจับตาดูสิ่งที่ (ผู้ปกครองคณะใหม่) กำลังทำอยู่ และดูว่า เมื่อไรพวกเขาจะคืนประชาธิปไตยให้แก่ประชาชน ความอดทนของประชาชนมีขีดจำกัด

เมื่ออ่านแล้วก็รู้สึกลึก ๆ ว่า ทักษิณ คิดการชั่วร้ายขนาดนี้หรือ(การที่ว่าให้ลองนึกกันเองแล้วกัน) แต่ผมก็ไม่ได้ปักใจเชื่อการแปลข่าวของ สำนักข่าวนี้ในทันที เพราะยังนึกอยู่ว่าอย่างน้อย นายคนนี้ก็ยังเป็นคนไทย คนไทยอยู่ใต้พระบารมีมายาวนาน ย่อมต้องมีความรู้รักและเทิดทูนเหนืออยู่แก่ใจทุกคน

แต่ในใจก็ยังไม่คลายสงสัย ก็เลยเข้าไปอ่านฉบับจริงของ time ใน time.com และได้ความดังนี้

TIME: You’ve asserted that you and your old political party, Thai Rak Thai, were highly popular. Yet there was hardly any public outcry against the coup.

THAKSIN: It was the same with Thailand’s 17 other coups. First, the people are shocked. Then they start to voice their concerns. And then they start to accept it, especially after it’s endorsed by His Majesty the King. They’re very disciplined. They obey. But they are watching what [the new rulers] are doing, and when they will return democracy to the people. People’s tolerance is limited.

FUCK-SIN-IN-TIME

ซึ่งคำว่า endorsed หมายถึง back; be behind; approve of แต่ขอบอกว่าพระเจ้าแผ่นดินของเราทรงอยู่เหนือการเมือง การนำคำพูดนี้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ภาษาอังกฤษของผู้พูดจะห่วยหรือในใจคิดอย่างนั้นจริง ๆ มันสมควรแล้วหรือ

ได้อ่านมาถึงคุณว่า MR FUCK-SIN อุ้ย ขอโทษ…:lol: THAKSIN สมควรโดนประณามมั้ย ???